โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ปุ๋ยมนุษย์

สยามรัฐ

อัพเดต 26 พ.ค. 2562 เวลา 23.00 น. • เผยแพร่ 26 พ.ค. 2562 เวลา 23.00 น. • สยามรัฐออนไลน์
ปุ๋ยมนุษย์

นับแต่นี้ต่อไป “มนุษย์” หรือ “คน” เรา เมื่อสิ้นชีวิตวายวางดับชีพลง คงมิได้เหลือแต่ “ชื่อเสียงดี-ร้าย” ให้อนุชนรุ่นหลังได้กล่าวขวัญถึง ตามที่ “โคลงโลกนิติ” ภาษิตโบราณกล่าวขานเพียงเท่านั้น ทว่า ร่างที่วางวายเพราะชีพได้ปลิดปลง ก็ยังคงสามารถนำไปทำเป็น “ปุ๋ย” อาหารของพืช หล่อเลี้ยงให้เจริญเติบโต แบบว่า ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้างหลังละโลกนี้ไปแล้วเฉกเช่น “วัว-ควาย” ที่ยังเหลือ “เขา-หนัง” ให้เป็นประโยชน์ ตามที่ภาษิตโบราณข้างต้นกล่าวขานเป็นอนุสติเตือนใจไว้ด้วยเช่นกัน

สุสานฝังศพแห่งหนึ่งในรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ
สุสานฝังศพแห่งหนึ่งในรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ

เมื่อล่าสุด ปรากฏว่า ทางการรัฐวอชิงตัน รัฐทางตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสภาท้องถิ่นของรัฐดังกล่าว มีมติในที่ประชุมสภาฯ เพื่อผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการสามารถนำศพของมนุษย์ไปทำเป็นปุ๋ยได้ ตามนโยบายในอันที่จะ “ลดปริมาณสารอินทรีย์ตามธรรมชาติ (Natural Organic Reduction)” ภายหลังจากถกเถียงกันมานานพอสมควร ถึงการที่จะนำร่างอันไร้วิญญาณของมนุษย์เรา ที่ฝังอยู่ตามสุสานทั้งหลายตามการประกอบพิธีกรรมของศาสนาคริสต์ มาทำเป็นปุ๋ยบำรุงดิน ซึ่งมีประโยชน์มากกว่าปล่อยให้ร่างอันไร้วิญญาณเหล่านั้น นอนนิ่งฝังจมอยู่ในสุสานให้เปลืองพื้นที่กันเปล่าๆ กระทั่งที่ประชุมสภาฯ ผ่านร่างกฎหมาย หลังจากนั้น ก็ยื่นเสนอให้ “นายเจย์ อินสลี” ในฐานะ “ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน” จรดปากกาลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวในที่สุด เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายเจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน ขณะลงนามในร่างกฎหมายว่าด้วยการสามารถนำศพมนุษย์ไปทำเป็นปุ๋ยได้
นายเจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน ขณะลงนามในร่างกฎหมายว่าด้วยการสามารถนำศพมนุษย์ไปทำเป็นปุ๋ยได้

ก็ส่งผลให้ “วอชิงตัน” รัฐทางตะวันตกแห่งนี้ กลายเป็นรัฐแห่งแรกของสหรัฐฯ ที่บังคับใช้กฎหมายอนุญาตให้นำร่างมนุษย์ผู้เสียชีวิตไปทำเป็นปุ๋ยปลูกพืชบำรุงดินได้ และก็กลายเป็นอีกทางเลือก หรือทางเลือกใหม่ สำหรับการจัดการซากศพของมนุษย์ผู้เสียชีวิตว่า สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยได้ นอกเหนือจากการฝังและการเผา ที่ทำกันอยู่เดิมแล้ว ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวได้ถือกำเนิดขึ้น ก็จะทำให้เพิ่มทางเลือกของคนเราว่า จะให้ผู้คนที่อยู่ข้างหลังจัดการกับศพของตนเองให้เป็นปุ๋ยได้ ท่ามกลางความวิตกกังวลของทางการในหลายรัฐ เกี่ยวกับพื้นที่การจัดการศพ หรือสุสานฝังศพว่า มีปริมาณลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าหากบรรดาศพทั้งหลาย ถูกนำไปทำปุ๋ยกันเช่นนี้ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่า จะไม่มีพื้นที่ฝังศพอีกต่อไป กล่าวถึงเบื้องหลัง ที่มา ที่ไป ของกฎหมายฉบับนี้ ก็ต้องยกยอดความดีไปให้กับ “แคทรินา สเปด” “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” หรือ “ซีอีโอ” หญิง แห่ง “รีคอมโพส” บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจการจัดการเปลี่ยนศพเป็นปุ๋ย ซึ่งเป็นบริษัทแรกๆ ที่ดำเนินการด้านนี้ในสหรัฐฯ เป็นผู้รณรงค์เคลื่อนไหวในอันที่จะผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว ให้ออกมาบังคับใช้ อันจะนำมาซึ่งประโยชน์ในด้านต่างๆ ตามที่เธอมุ่งหวัง และมุ่งมั่นที่จะย่อยสลายซากศพมนุษย์ให้กลายเป็นปุ๋ยบำรุงดิน

“แคทรินา สเปด” ซีอีโอของ “รีคอมโพส” โชว์ปุ๋ยที่ทำจากการย่อยสลายของซากศพวัว ผสมพืชอัลฟัลฟา ไม้สับ และฟาง กระบวนการเดียวกับการย่อยสลายซากศพมนุษย์มาทำเป็นปุ๋ย
“แคทรินา สเปด” ซีอีโอของ “รีคอมโพส” โชว์ปุ๋ยที่ทำจากการย่อยสลายของซากศพวัว ผสมพืชอัลฟัลฟา ไม้สับ และฟาง กระบวนการเดียวกับการย่อยสลายซากศพมนุษย์มาทำเป็นปุ๋ย

โดยนางสเปด เปิดเผยถึงกระบวนการของการย่อยสลายซากศพมนุษย์ให้กลายเป็นปุ๋ยว่า ก็คล้ายคลึงกับกระบวนการย่อยสลายเปลี่ยนซากศพของสัตว์อื่นๆ ให้กลายเป็นปุ๋ย นั่นคือ…นำร่างศพไปใส่ในหีบเหล็กรูปทรงหกเหลี่ยม ใส่พืชอัลฟัลฟา ไม้สับ (เนื้อไม้ หรือเปลือกไม้ ที่ถูกหั่น ถูกตัด หรือถูกสับเป็นชิ้นๆ) และ ฟาง ลงไป ก่อนปิดหีบบรรจุไว้เป็นเวลาประมาณ 30 วัน ร่างศพก็จะย่อยสลายไปตามธรรมชาติ ซึ่งร่างศพ 1 ร่าง สามารถทำปุ๋ยได้ประมาณ 2 คันของ“รถเข็นแบบล้อเดียว” ซีอีโอหญิงแห่งรีคอมโพส กล่าวภายหลังจากที่ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน ลงนามในร่างกฎหมายข้างต้นว่า การย่อยสลายเปลี่ยนให้ร่างซากศพของมนุษย์เราให้กลายเป็นปุ๋ย ถือเป็นทางเลือกใหม่นอกเหนือจากการดองศพ การฝังศพ หรือการเผา ซึ่งเป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติ ปลอดภัย และยั่งยืน แถมยังจะช่วยประหยัดการใช้พื้นที่สำหรับฝัง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นมลภาวะทางอากาศ จากการเผาศพได้อีกด้วย

“แคทรินา สเปด” ซีอีโอของ “รีคอมโพส” โชว์ปุ๋ยที่ทำจากการย่อยสลายของซากศพวัว ผสมพืชอัลฟัลฟา ไม้สับ และฟาง กระบวนการเดียวกับการย่อยสลายซากศพมนุษย์มาทำเป็นปุ๋ย
“แคทรินา สเปด” ซีอีโอของ “รีคอมโพส” โชว์ปุ๋ยที่ทำจากการย่อยสลายของซากศพวัว ผสมพืชอัลฟัลฟา ไม้สับ และฟาง กระบวนการเดียวกับการย่อยสลายซากศพมนุษย์มาทำเป็นปุ๋ย

ใช่แต่เท่านั้น รูปแบบการจัดการศพให้เป็นปุ๋ยดังกล่าว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดการศพได้อีกต่างหากด้วย โดยจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงจากแบบปกติ 7 พันดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือเพียง 5.5 พันดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น แถมยังได้ปุ๋ยใช้บำรุงดินสำหรับการปลูกพืชผัก หรือแม้กระทั่งดอกไม้แสนรัก ยังประโยชน์อันมากหลายต่อไป

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0