เห็นข่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเสนอ นายกรัฐมนตรี ให้เปิดสถานบริการค่ำคืน ผับ บาร์ ต่างๆ จากที่เคยปิดราวเที่ยงคืน ขยายไปจนถึงตี 4 ก็เชื่อแล้วว่าทำทุกวิถีทางจริงๆ ที่จะกระตุ้นเม็ดเงินทางเศรษฐกิจให้เพิ่มมากขึ้น
เมื่อวันก่อนสภาพัฒน์ฯ เปิดเผยตัวเลข GDP ว่าไตรมาส 2 ของปีนี้เติบโต 2 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ และสิ้นสุดทั้งปี อาจจะโตไม่ถึง 3% เท่านั้นซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อตอนต้นปีว่าน่าจะโตถึง 3% กว่า โดยสิ่งที่ฉุดรั้งปัจจัยเศรษฐกิจของไทย อันดับแรกคือการส่งออกที่ติดลบ อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาสงครามการค้า
หนึ่งแนวทางในแนวทางที่สภาพัฒน์ แนะนำรัฐบาลให้กระตุ้นเศรษฐกิจนั่นก็คือภาคการท่องเที่ยว เราจึงได้เห็นนโยบายการแจกเงินเที่ยว 1,000 บาท ที่รอเคาะออกมา หวังให้กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ได้รับเสียงค้านจากคนทั่วไป เพราะเป็นการนำเงินมาใช้อย่างฟุ่มเฟือยและประเทศชาติจำเป็นต้องนำงบประมาณส่วนนี้ไปช่วยอย่างอื่นที่สำคัญ กว่าเช่นด้านสาธารณสุขเรื่องของหลักประกันสุขภาพที่มี NGO ออกมาทวงติง
กลับมาที่การเปิดผับ ตี 4 นับตั้งแต่มีการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมปี 2557 ประเทศประเทศไทยของเราก็สงบขึ้นเยอะ! ในหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องสถานบันเทิงที่ปิดกันตรงเวลา เพราะได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด ปัจจัยหลักคือไม่ให้เกิดปัญหาอาชญากรรมและเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติด
ถ้าผับกลับมาเปิดได้ยาวไปจนถึงตี 4 อีกครั้ง ก็คงจะสร้าง เม็ดเงินกำไรให้กับผู้ประกอบการ สถานบันเทิงยามค่ำคืนเหล่านี้จำนวนไม่น้อย
แต่มองอีกมุมหนึ่งก็น่าคิดว่า จะมีสักกี่คนที่มีเงินไปเที่ยวผับฟุ่มเฟือยในภาวะอย่างนี้ เก็บเงินไว้กินข้าวไม่ดีกว่าหรือ และคนที่จะเข้าไปเที่ยวผับนั้นดูผิวเผินอาจจะนึกถึงคนที่มีฐานะทางการเงินร่ำรวย แต่เอาจริงๆแล้วก็ปะปนกันไป บางส่วนรายได้ต่ำรสนิยมสูงคิดสนุกวันนี้ไม่คิดถึงวันพรุ่งนี้ อีกส่วนเป็นเยาวชน อายุ 20 ปียังเรียนไม่จบ ยังต้องเกาะเงินพ่อแม่ ก็แอบเข้าไปเที่ยวกลางคืน
ไปไปมามา 'เยาวชน' อาจเป็นกลุ่มลูกค้าอันดับต้นๆของสถานบันเทิงเปิดเพลงเสียงดังเหล่านี้ ด้วยซ้ำไป
นี่ยังไม่นับรวม ปัญหาว่าจะกลายเป็นแหล่งสถานที่อโคจร หากไม่มีการควบคุมอย่างเพียงพอ รวมถึงอุบัติเหตุหลังผับเลิก ที่อาจจะมีคนสํามะเลเทเมาออกมาเพ่นพ่านกลางถนน มันจะได้ไม่คุ้มเสียหรือไม่ กับการเปิดผับยาวไปจนถึงตี 4…
แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีมาตรการนี้ออกมา บางสถานบันเทิงก็จ่ายส่วยลักลอบเปิดให้บริการไปจนถึงเช้าอยู่แล้ว
ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เราได้ยินข่าวการออกมาเรียกความเชื่อมั่นของรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจต่างๆ ว่าตามหลักวิชาการเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอย สวนทางกับความรู้สึกของคนทั่วไป
อีกแนวทางหนึ่งที่เห็นว่ารัฐบาล จะดึงนักท่องเที่ยวขึ้นมา คือการเปิดฟรีวีซ่าให้กับคนจีนกับอินเดีย ซึ่งอาจสูญเสียรายได้หลักหมื่นล้าน แต่รัฐบาลเชื่อว่าจะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดถึงหลักแสนล้านบาท ซึ่งในรัฐบาลเองก็มีข้อถกเถียงในเรื่องการฟรีวีซ่าอยู่มาก โดยเฉพาะคุณภาพของนักท่องเที่ยว ที่อาจไม่ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยที่มากพอ เพราะนักท่องเที่ยวฟรีวีซ่าส่วนใหญ่ ไม่ได้ร่ำรวย มาเที่ยวแบบประหยัด ไม่ได้จับจ่ายใช้สอยอะไรมากมาย
สรุปคือสิ่งที่ได้เห็นจากรัฐบาล ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ วิธีการเดิมๆเหล่านั้น ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน และสิ่งที่ประชาชน ผู้ติดตามข่าวสารอย่างเราๆ คิดได้มีแต่คำว่า "ช่วงนี้ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด"
#วชิรวิทย์ #วชิรวิทย์รายวัน #Vajiravit #VajiravitDaily #Nation #NationTV
