โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ปัญหาปากท้อง จุดเสี่ยง รัฐบาล

คมชัดลึกออนไลน์

อัพเดต 26 ส.ค. 2562 เวลา 09.24 น. • เผยแพร่ 22 ส.ค. 2562 เวลา 16.29 น.

โอภาส บุญล้อม

ทุกวันนี้ชาวบ้าน ทำมาหากินลำบาก เศรษฐกิจฝืดเคือง หน้าเหี่ยวกันถ้วนหน้า

จากการสำรวจของทุกสำนักโพล ออกมาในทิศทางเดียวกันว่า สิ่งที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ไขเป็นอันดับแรก ก็คือ ปัญหาเศรษฐกิจ

เมื่อเร็วๆนี้ คณะรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยมีเป้าหมายให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ 3% วงเงินที่ใช้รวม 3.16 แสนล้านบาท

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ

  1. การช่วยเหลือค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.6 ล้านคน โดยจะได้รับเงินเพิ่มคนละ 500 บาท เป็นเวลา 2 เดือนในเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ รวมเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท, ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเดือนละ 500 บาทเป็นเวลา 2 เดือนเช่นเดียวกัน และกลุ่มสุดท้าย คือ เงินเลี้ยงดูบุตรสำหรับผู้ที่ถือบัตรฯ ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี ได้เดือนละ 300 บาท เป็นเวลา 2 เดือน รวม 600 บาท

2.มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เห็นชอบให้แจกเงินให้แก่ผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดนอกเขตภูมิลำเนาจำนวน 1,000 บาท โดยมีอายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นจำนวนไม่เกิน 10 ล้านคน วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท และยังให้ผู้ที่ได้สิทธิ์สามารถนำค่าใช้จ่ายจริงจากการเดินทางท่องเที่ยวมาขอคืนเงินได้อีก 15% ของค่าใช้จ่ายที่ไม่เกินวงเงิน 30,000 บาท หรือสูงสุด 4,500 ล้านบาท เพราะต้องการให้เกิดการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศให้มากที่สุด

"มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว หากนับรวมเงินที่แจก และเงินที่จะให้คืนหากใช้เต็มวงเงิน 3 หมื่นบาท จะได้เงินจากรัฐรวมกันถึง 5,500 บาท ซึ่งในส่วนของเงินที่เติมให้ 1,000 บาทแรก กำลังพิจารณาให้จ่ายค่าน้ำมันรถยนต์ได้ด้วย เพื่อต้องการดึงคนออกจากบ้านไปเที่ยวต่างจังหวัด" นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง อธิบาย และจะให้ธนาคารกรุงไทย สาธิตการใช้แอพที่จะมาลงทะเบียนและรับเงินท่องเที่ยว 1,000 บาท เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าใจมากที่สุด

3.มาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง เห็นชอบวงเงินรวม 2 แสนล้านบาท ให้ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้า ธ.ก.ส. เป็นเวลา 1 ปี และให้สินเชื่อฉุกเฉินจาก ธ.ก.ส. คนละไม่เกิน 50,000 บาท ปีแรกฟรีดอกเบี้ย รวมวงเงิน 50,000 ล้านบาท ปล่อยสินเชื่อฟื้นฟูความเสียหายจากผลกระทบภัยแล้งรายละไม่เกิน 5 แสนบาท วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท พร้อมทั้งขยายเวลาชำระหนี้เงินกู้ของธ.ก.ส. และช่วยเหลือต้นทุนการผลิตกับชาวนาที่ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/2563 ให้แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรฯ จำนวน 3 ล้านคน

อย่างไรก็ตามมีการมองว่า ทั้ง 3 มาตรการ สืบเนื่องจากนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ตอนเลือกตั้ง และเป็นการทำชั่วครั้งคราว 2-3เดือน ไม่ใช่ทำถาวร จึงไม่สามารถช่วยเหลือในระยะยาวได้ อย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รัฐก็ยังไปโอบอุ้มประชาชนอยู่เหมือนเดิม ไม่ทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้เอง เมื่อชาวบ้านได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็นำบัตรไปกดกันกระหน่ำ แล้วก็นำไปใช้และเงินก็หมดไป ไม่ได้มีการนำเงินไปลงทุน ออกดอกผลหรือกำไร ไม่เกิดเงินต่อเงิน แล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้นได้อย่างไร

ปัญหาสำคัญของประเทศ คือความยากจน แต่รัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาพื้นฐาน มาตรการที่ออกมาเป็นแค่การกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อย และท้ายที่สุด เงินก็ไปสู่กลุ่มทุนอยู่ดี เพราะประชาชนต้องไปจับจ่ายใช้สอย เข้าห้างสรรพสินค้า ส่วนการให้เงินไปเที่ยวต่างจังหวัดคนละ 1,000 บาท ซึ่งก็ไม่พอทำให้ต้องควักเงินจากกระเป๋าตัวเองอีก

การที่จะแก้ปํญหาเศรษฐกิจได้ ก่อนอื่นรัฐบาลจะต้องมีความน่าเชื่อถือว่าจะบริหารประเทศให้มีเศรษฐกิจดีขึ้นได้ และเมื่อประชาชนมีความเชื่อถือว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ประชาชนก็จะยอมเอาเงินออมของตัวเองออกมาลงทุน

แต่ปัญหาใหญ่ คือ คนขาดความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดนี้จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ จึงไม่ค่อยมีการลงทุนทางธุรกิจของคนในประเทศเองรวมทั้งธุรกิจรายใหญ่จากต่างประเทศ ก็ไม่ค่อยเข้ามาลงทุนเพราะการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา ยังใช้วิธีการเก่าๆ คือ เป็นไปตามโควต้าของพรรคการเมือง โดยอ้างว่ามีความจำเป็นต้องแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำ ไม่ได้ใช้หลักคัดคนที่มีความรู้ความสามารถให้เหมาะสมกับงาน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0