โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

ปัญหาดราม่า VAR พรีเมียร์ลีก ทำไมถึงระส่ำกว่าลีกอื่นๆ ?

ขอบสนาม

อัพเดต 15 ก.พ. 2561 เวลา 03.21 น. • เผยแพร่ 10 ก.ค. 2563 เวลา 07.48 น. • ขอบสนาม
ปัญหาดราม่า VAR พรีเมียร์ลีก ทำไมถึงระส่ำกว่าลีกอื่นๆ ?

เกิดประเด็นร้อนให้วิจารณ์กันอย่างหนักหน่วงอีกแล้วบนสังเวียน พรีเมียร์ลีกกับการใช้เทคโนโลยีช่วยผู้ตัดสินที่ชื่อว่า VAR

ที่ผ่านมาเราเห็นปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นมากมายกับการใช้ VARช่วยสร้างความถูกให้เกมการแข่งขัน แต่ล่าสุด "มันน่าเกลียดเกินไป" ต้องใช้คำนี้เลย เพราะทาง พรีเมียร์ลีกออกมายืนยันเองว่า VAR ตัดสินผิดพลาดกับจังหวะ 3 จุดโทษในเกมแข่งขัน 3 คู่ของคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ไอ้ทีมที่ควรได้กลับไม่ได้ ส่วนไอ้ทีมที่ไม่ควรได้กลับได้เสียอย่างงั้น

จากสิ่งที่เกิดขึ้น คำถามก็คือในเหล่าบรรดาบรรดา 5 ลีกดังของยุโรป ทำไมถึงมีแค่ พรีเมียร์ลีก ที่เจอปัญหาเรื่องดราม่าบ่อยกว่าชาวบ้านเขา วันนี้ทาง "ขอบสนาม"จะลองพาทุกท่านไปวิเคราะห์เจาะลึกพร้อมๆ กัน

ความไม่เชี่ยวชาญและไม่ช่ำชอง

เทคโนโลยี VARประสบความสำเร็จอย่างมากในทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 2018 จนได้รับคำชมว่า "นี่คืออีกหนึ่งทางออกของฟุตบอลยุคใหม่" ในการช่วยเหล่าทีมผู้ตัดสินหาความถูกต้องให้มากที่สุดในสโมสร แต่ไปๆ มาๆ พอพวกลีกชั้นนำอย่าง ลา ลีกา, บุนเดสลีกา, กัลโช่ เซเรีย อา หรือลีก เอิงนำไปใช้ มันเริ่มมีปัญหาและช่องโหว่มากมายให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเสียเวลา, เกมไม่ไหลลื่น และก็หาความถูกต้องไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์อยู่ดี แต่เชื่อว่าคอบอลทุกคนคงชินกับมันแล้วแหละ ถ้าสังเกตดูดีๆ ใน 4 ลีกดังนี้เราแทบไม่ค่อยเห็นปัญหาดราม่าเรื่อง VARเท่าไหร่ ไม่เหมือน พรีเมียร์ลีก

ถ้าจะบอกว่า พรีเมียร์ลีกเพิ่งมาลองใช้ VAR ปีนี้มันเลยเจอปัญหามากกว่าคนอื่น ? มันก็ใช่ แค่คำถามคือ 'ก่อนคุณตัดสินใจจะนำมันมาใช้งานจริงๆ คุณไม่ได้ศึกษาและทดลองใช้ก่อนเหรอ ? ไม่ได้ศึกษาจากเพื่อนๆ 4 ลีกดังที่เขาใช้กันก่อนเหรอ ?' พวกเขามีเวลาเรียนรู้และศึกษาตัวอย่างอย่างละเอียด แต่สุดท้ายทำไมกันเกิดปัญหามากกว่าที่อื่น หรือพวกเขาไม่ได้เต็มใจที่จะทำมันกันแน่ ยกตัวอย่างบางเกมพอมีจังหวะสำคัญเกิดขึ้นผู้ตัดสินบางคนยังงงเลย 'นี่เกิดอะไรขึ้น กูต้องทำอะไรบ้างวะ ?' ไม่วอคุยกันก็เดินไปปรึกษาคนโน้นคนนี้เล่นกินเวลาเกมในสนามไปแล้วหลายนาที เหมือนไม่ได้ซ้อมกันมาก่อน

มันแสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจเพราะอย่างน้อยถ้าเกิดผู้ตัดสินทุกคนศึกษามาอย่างดี เข้าคอร์สอบรมพร้อมกัน วางรูปแบบและวางกฏเหมือนกัน และซ้อมขั้นตอนกันบ่อยๆ ทั้งในจังหวะที่ง่ายไปจนถึงยากที่สุด เชื่อว่าถ้าซ้อมและลองงานกันมาเป็นอย่างดีปัญหานี้น่าจะไม่เกิดมากมายขนาดนี้

ความกดดัน

เหตุผลข้อนี้จะออกแนวคิดบวกหน่อยๆ ที่เราเห็น พรีเมียร์ลีกเกิดข้อผิดพลาดบ่อยจากการใช้เทคโนโลยี VAR อาจจะเป็นเพราะความกดดันก็ได้ เพราะนี่คือลีกที่ดีที่สุด ได้รับความสนใจ และได้รับการจับตามองมากที่สุดในโลก พวกทีมงานในห้อง VARหรือแม้กระทั่งผู้ตัดสินอาจจะรู้สึกกดันและคิดมากกับทุกจังหวะสำคัญจนเกิดเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด อันนี้คือมองเป็นเหตุผลในแง่บวกเฉยๆ นะ

>>> เป็นเรื่อง ! พรีเมียร์ลีก คอนเฟิร์ม VAR ตัดสินพลาด 3 จุดโทษทั้ง 3 คู่เกมคืนพฤหัสฯ

อีโก้และความไม่ทันโลก

ข้อหนึ่งที่เห็นได้ชัดๆ เลยว่ามันเป็นปัญหาก็คือ ผู้ตัดสินในสนาม ไม่ได้เป็นคนตัดสินในหลายๆ จังหวะสำคัญ และปล่อยให้ทีม VARเป็นคนตัดสินว่าจังหวะนี้ล้ำหน้านะ จังหวะนี้ควรเป็นจุดโทษนะ จังหวะนี้ควรแจกใบเหลืองใบแดงย้อนหลังนะ เพียงเพราะพวกเขาเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดในสนาม จริงๆ ดุลยพินิจของกรรมการหลักในสนามถือมีน้ำหนักมากที่สุด และจอVARก็ตั้งอยู่ข้างสนามนะ แต่ธรรมเนียมของ พรีเมียร์ลีกกลับไปค่อยมีผู้ตัดสินคนไหนออกไปดูด้วยตัวเองเหมือนผองเพื่อนก๊วน 4 ลีกดังๆ เลย

จริงๆ แล้วหนึ่งในวิธีการตรวจสอบVARก็คือการให้ผู้ตัดสินที่ 1 วิ่งไปดูคลิปจังหวะนั้นๆ ด้วยตัวเองที่จอมอนิเตอร์ข้างสนาม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำแถลงขององค์กรผู้ตัดสินเกมฟุตบอลระดับอาชีพ รึเปล่าที่พูดไว้ว่า'ผู้ตัดสินควรควรพยามดูจอมอนิเตอร์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพื่อที่จะทำให้เกมการแข่งขันไม่หยุดชะงักหรือล่าช้า' แต่ในเมื่อคุณต้องการความถูกต้องมากขึ้นก็ควรต้องเปลี่ยนความคิดได้แล้ว ยอมเสียเวลานิดนึงแต่ได้ความชัวร์มากกว่า ถึงแม้จะไป 100 เปอร์เซนต์ แต่ก็ดีกว่ามาเก้ๆ กังๆ พอเกมหยุดก็ได้แต่ยืนคุยกับทีมงานในห้อง VARเผลอๆ วิ่งไปดูด้วยตัวเองและตัดสินเลยยังดูเร็วกว่าอีก จริงๆ มันก็เคยมีข่าวว่า พรีเมียร์ลีกจะเปลี่ยนนโยบายนี้นะ แต่ก็ยังไม่เกิดขึ้นสักที

อีโก้ของทีมผู้ตัดสิน

เรื่องดุลยพินิจและความคิดส่วนบุคคลอันนี้แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ เพราะจังหวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นสนามล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วว่องไวทั้งนั้น ถ้าเปรียบคน 100 คน มันก็มีทั้งจังหวะที่ 100 คนนั้นเห็นตรงกัน และขณะเดียวกันมันก็มีอีกจังหวะที่ 100 คนเห็นไม่ตรงมัน และในขณะเดียวกันอีกนั้นก็มีหลายจังหวะที่คน 50 คนเห็นตรงกัน และอีก 50 คนเห็นไม่ตรงกัน เรื่องแบนนี้มันห้ามกันไม่ได้จริงๆ แต่คนละคนมีมุมมองต่างกัน บางคนอาจจะนกหวีดหวาน เป่าฟาวล์ง่าย แจกใบเหลืองบ่อย และคนก็ตัดสินเหมือนลำเอียงอารมณ์แบบฉันลงข้างทีมนี้เอาไว้อะไรประมาณนั้น อันนี้เป็นเรื่องของผู้ตัดสินในสนามซึ่งทุกๆ ลีกเป็นเหมือนกันหมด

แต่สิ่งที่พรีเมียร์ลีกไม่เป็นเหมือนลีกอื่นๆ ในการใช้เทคโนโลยี VARนั่นก็คือตอนใช้งานนั่นแหละซึ่งมันจะหนักไปทางน่าเกลียดเลยด้วย ยกตัวอย่างในเกมที่ ลิเวอร์พูลเจอกับแอสตัน วิลล่าเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ถูกตีเส้นประว่าล้ำหน้าใน และอวัยวะที่ทำให้เกมต้องหยุดคือ "รักแร้"ฟังแล้วมันตลกจัดเลย โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่คือนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ล้ำหน้าด้วยรักแร้ 

ไม่ใช่แค่เท่านี้นะ เราจะเห็นการทำงานและการตัดสินชุ่ยๆ ของทีม VARอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องจับล้ำหน้าเนี่ยแหละ บางคลิปที่มีการฉายย้อนหลังทางทีมงานกลับตีเส้นประแบบตลกๆ ไม่รู้ตียังไงให้ไม่ตรงกับไลน์ของสนาม คนทุกคนบนโลกยังเห็นเลยว่าเส้นมันไม่ตรง เราเห็นจังหวะแบบนี้บ่อยมากจริงๆ และนี่ก็เป็นจุดสำคัญที่ทำให้เทคโนโลยีVARเสื่อมศรัทธาลงทุกวัน รู้งี้สู้ไม่มีดีกว่าไหม มันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ เพราะในเมื่อความถูกต้องมันไม่ชัดเจน 100 อยู่แล้ว อย่างน้อยเสน่ห์ของเกมลูกหนังก็ไม่หายไป รวมไปถึงเรื่องอรรถรสและความไหลลื่นของเกมการแข่งขันก็ด้วยเช่นกัน

HaMu Dos Santos

ส่วนหนึ่งของข้อมูล :bbc

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม

เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0