โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ปรเมศวร์ชี้คดีชมพู่สุดยาก เจอแค่ปลายทาง พบพิกัดตายบนเขาแค่ 1.2 กม. (คลิป)

Amarin TV

เผยแพร่ 10 ก.ค. 2563 เวลา 20.58 น.
ปรเมศวร์ชี้คดีชมพู่สุดยาก เจอแค่ปลายทาง พบพิกัดตายบนเขาแค่ 1.2 กม. (คลิป)
“อ.ปรเมศวร์” ชี้คดีน้องชมพู่ยาก เพราะมีแต่ปลายน้ำ เชื่อไม่มีการจับแพะแน่นอน แต่หลักฐานยังไม่สมบูรณ์แบบ ยังไม่ขอสงสัยใคร เชื่อเจ้าหน้าที่คงจะผู้ต้องสงสัยอยู่ในใจ แต่ยังบอกไม่หมด

เมื่อวันที่ 10 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ นายพิเชษฐ์ สุขสบาย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูผายล ถึงเรื่องระยะทางที่เเท้จริงจากบ้านน้องชมพู่ ไปยังจุดพบศพบนภูเหล็กไฟ เนื่องจากก่อนหน้านั้น มีรายงานข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ว่าระยะทาง 5 กิโลเมตร เเต่ภายหลังก็เกิดการถกเถียงกันของชาวบ้าน ว่าระยะทางอาจจะไม่ถึง จึงเกิดคำถามว่าระยะทางที่เเท้จริงกี่กิโลเมตร ซึ่งนายพิเชษฐ์นั้น เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ชุดค้นหาน้องชมพู่ด้วย

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

นายพิเชษฐ์ เปิดเผยว่า จุดพบศพน้องชมพู่ ถ้าวัดพิกัดจากจีพีเอส มีระยะทาง 1.2 กิโลเมตร จากบ้านของน้อง เเต่จีพีเอสเป็นการวัดระยะทางเเนวราบจากเเผนที่ ส่วนภูเหล็กไฟมีลักษณะสูงชันสลับขึ้นลง ไม่ได้เป็นเส้นตรง ดังนั้นระยะทางการเดินเท้า จึงอยู่ที่ประมาณ 2 กิโลเมตร

ตนเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่เดินขึ้นไป ใช้เวลาการเดิน 1 ชั่วโมง 30 นาที ลักษณะของภูเหล็กไฟที่ขึ้นไป เป็นภูเขาหินลาดชันที่มีทางราบเป็นจุดพักประมาณ 6 ชั้น จุดที่พบศพน้องชมพู่อยู่ชั้นที่ 4 สภาพเป็นป่าผลัดใบ เเล้งน้ำ จึงไม่มีสัตว์ป่าขนาดใหญ่อาศัยอยู่เลย

หัวหน้าอุทยานฯ ยังกล่าวอีกว่า จากการประเมินสภาพพื้นที่ภูเหล็กไฟ ยืนยันว่าเด็กไม่สามารถเดินขึ้นเองได้เเน่นอน โดยเฉพาะน้องชมพู่ที่เป็นเด็กผู้หญิง วัย 3 ขวบ ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเเม้เเต่ผู้ใหญ่หรือเจ้าหน้าที่ก็ยังขึ้นลำบาก หากร่างกายไม่เเข็งเเรงพอ ก็ไม่สามารถเดินขึ้นไปได้

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสมบัติ อวนวัง ผู้พบศพน้องชมพู่เป็นคนเเรก หลังจากตำรวจได้เข้ามาเก็บดีเอ็นเอ โดยนายสมบัติ เปิดเผยว่า ตำรวจได้เข้ามาหา เเละเก็บดีเอ็นเอกระพุ้งแก้ม 2 ข้าง เเต่ไม่ได้มีการสอบปากคำใด ๆ ซึ่งตนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตอนนี้ไม่ได้มีความกังวลเรื่องคดี เพราะมั่นใจว่าบริสุทธิ์ เเต่ก็รู้สึกเเปลกใจว่าเหตุใดตำรวจเพิ่งมาเก็บดีเอ็นเอ เเต่ตำรวจก็ได้อธิบายว่าเป็นการเก็บตกเท่านั้น ไม่ได้พุ่งเป้า หรือสงสัยอะไรเป็นพิเศษ

นายสมบัติ ยังกล่าวอีกว่า มาถึงตอนนี้ยังจับคนร้ายไม่ได้ ทำให้ตนมองเรื่องนี้เป็น 2 ประเด็น ประเด็นเเรกคิดว่าคนร้ายไม่ใช่คนในพื้นที่ เพราะในหมู่บ้านไม่เคยมีใครมีพฤติกรรมเเบบนี้

ประเด็นที่สอง หรือการเสียชีวิตของน้องชมพู่ อาจจะไม่มีคนร้ายเลย เพราะไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครเลย หากถามว่าภูเหล็กไฟเด็กสามารถเดินขึ้นได้หรือไม่ ตนก็เชื่อว่าอาจเดินได้ เพราะระยะทางจากบ้านน้องชมพู่ ไปถึงจุดพบศพ ระยะทางจริงเพียง 1.2 กิโลเมตรเท่านั้น ไม่ใช่ 5 กิโลเมตร ตามที่เป็นข่าว

นายโรเบิร์ต (นามสมมติ) หลังจากตำรวจพุ่งเป้าว่าคนร้าย อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทีมข่าวจึงสอบถามว่าคนที่เสพยา จะมีอารมณ์ทางเพศหรือไม่

นายโรเบิร์ต กล่าวว่า ต้องดูว่าเป็นยาประเภทใด เเต่ในพื้นที่มีเฉพาะยาบ้า ไม่มียาประเภทอื่น ขอยืนยันว่าการเสพยาบ้า ไม่ทำให้มีอารมณ์ทางเพศ หากเสพเเล้วส่วนใหญ่ก็จะปลีกตัวออกจากครอบครัว ไปอยู่ตามไร่นา ไม่ยุ่งกับภรรยา เเต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวคนที่เสพ เเละสิ่งเร้ารอบ ๆ ตัวด้วย ยกตัวอย่างหากมีผู้หญิงรูปร่างดีมายืนต่อหน้า ก็อาจจะมีอารมณ์ เเต่กับเด็ก 3 ขวบ ตนมองว่าไม่มีทางที่จะมีอารมณ์ได้

อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี เปิดเผยว่า คดีของน้องชมพู่ค่อนข้างจะยาก เพราะเป็นคดีความที่ไม่มีต้นน้ำ มีแต่ปลายน้ำ คือ อยู่ดี ๆ มีเด็กสูญหาย แล้วทุกคนก็ช่วยกันออกค้นหา ก่อนจะไปเจอศพ ซึ่งการที่ให้ชาวบ้านเดินร่วมกับเจ้าพนักงานอาจจะไปทำลายร่องรอยหลักฐานที่สำคัญ

ปกติแล้ว หากพื้นที่ไหนที่เจอหลักฐานจะต้องนำเส้นมากั้น เพื่อตรวจหาร่องรอย แต่ครั้งนี้จะสังเกตเห็นว่า ทั้งญาติพี่น้อง และคนในหมู่บ้านอาจจะเข้าใกล้ที่เกิดเหตุเกินไป ด้วยความหวังดี แต่อาจจะทำให้เกิดความความเสียหาย ซึ่งตนก็ไม่อยากจะกล่าวโทษใคร นอกจากนี้ความสำคัญอยู่ที่ผลชันสูตรพลิกศพ ว่าจะถูกบีบคอ หรือ ล่วงละเมิด แต่ยังไม่มีใครทราบว่า น้องชมพู่ตายด้วยสาเหตุอะไร อีกทั้งเรื่องเริ่มจะไปคนละทาง เพราะมีการตรวจดีเอ็นเอ สุนัข แมว นักข่าว แต่ตนรู้สึกสงสัยว่า ทำไมต้องเอาขนสุนัข กับขนแมวไปตรวจ ด้วยเหตุนี้คนเชื่อว่า เจ้าหน้าที่คงจะกำลังพุ่งเป้าไปที่อะไรบางอย่างอยู่

อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าตำรวจอาจจะมีแนวทางที่คิดไว้อยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่ชัดเจน เพราะต้องเรียกมาสอบหลายครั้ง เพื่อเค้นหาความจริง ทั้งนี้หากมีพยานหลักฐานที่ชี้เป้าเกิน 40 เปอร์เซ็นต์ ตำรวจอาจจะออกหมายจับได้แล้ว เพราะตนเชื่อว่า ศิลปะการซักถามของตำรวจเอาอยู่ นอกจากนี้ความยากอีกอย่างหนึ่ง คือ คดีความนี้ มีทั้งพระสงฆ์ หมอดู หมอผี ออกมาพูดกันคนละทิศ ทำให้พยานเกิดความไขว้เขว อีกทั้งการที่สื่อมวลชนออกมาเสนอข่าวก็มีส่วนที่อาจจะไปทำลายสมาธิของเจ้าพนักงาน และพยาน เพราะเวลาที่บีบคั้นทำให้เจ้าหน้าที่รู้สึกเหนื่อยเกินไป

ด้วยเหตุนี้ หากครบ 60 วันแล้วยังไม่พบ ตนอยากจะแนะนำว่าให้สื่อมวลชน ลองหยุดการนำเสนอ เพื่อให้ตำรวจมีสมาธิในการทำงาน ส่วนกรณีที่หลายคนพุ่งเป้าไปที่ลุงพล ตนมองว่า มูลเหตุจูงใจของลุงพลยังไม่เด่นชัด และหากจะออกหมายจับลุงพลต้องมีหลักฐานมากกว่านี้ แต่ตอนนี้มีแต่คำให้การณ์ที่ขัดแย้งกัน ซึ่งลุงพลก็มีเหตุผล ที่จะจำเหตุการณ์ไม่ได้ เพราะระยะเวลาผ่านมาหลายวันแล้ว

อย่างไรก็ตามตนไม่รู้ว่าทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานอะไรบ้าง แต่อีกมุมมองหนึ่งอาจจะเป็นลูกหลอก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และเพื่อให้คนทำผิดรู้สึกชะล่าใจ ส่วนตัวรู้สึกเฉย ๆ กับประเด็นที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมแม่ไม่ไปรดน้ำศพ ทำไมไม่ไปดูศพ เป็นต้น เพราะตนไม่อยากให้ไปสงสัยรายละเอียดปลีกบ่อย แต่ตนรู้สึกสงสัยเรื่องที่มีคนโทรศัพท์เข้ามาหาแม่ พร้อมกับหัวเราะเยาะมากกว่า เพราะหากเป็นเรื่องจริง ทำไมแม่ถึงไม่ยอมบอก และทำไมชาวบ้านเพิ่งจะมาบอกตอนนี้

ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า เรื่องจับแพะไม่มีเด็ดขาด ส่วนลุงพล ถ้าไม่ได้ทำผิดก็ไม่ต้องกลัว และตนอยากจะบอกว่า “ไม่มีอาชญากรรมใด สมบูรณ์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ รอสักวันหนึ่งเดี๋ยวก็ติดตามได้”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0