“ร้านรวงต่างๆ ปิดทำการ…เหลือเพียงแสงสว่างจากไฟถนนที่ช่วยแต่งแต้มบรรยากาศ ไม่ให้เงียบและเหงาจนเกินไป”
“การเป็นช่างภาพที่ชอบเดิน ซึ่งบางทีก็ไม่รู้ว่าจะเดินไปเจออะไรแต่เชื่อว่าการเดิน จะทำให้ไปเจอสิ่งที่ดีกว่าเสมอ”สมศักดิ์ เนตรทอง ช่างภาพข่าวที่ผมชื่นชอบเคยกล่าวเอาไว้.ประโยคนี้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากผมมีโอกาสมาเดินย่านเสาชิงช้าแหล่งรวมร้านค้าเครื่องสังฆภัณฑ์ในเวลาที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ไปได้ไม่นาน.ร้านรวงต่างๆ ปิดทำการ ผู้คนที่เคยพลุกพล่านบางตาเหลือเพียงแสงสว่างจากไฟถนนที่ช่วยแต่งแต้มบรรยากาศ ไม่ให้เงียบและเหงาจนเกินไปดูแล้วก็ชวนให้นึกถึงบางฉากบางตอนของหนังบางเรื่องที่นึกชื่อไม่ออก.ขณะที่รูปปั้นพระพุทธรูปสีทองอร่ามที่ตั้งอยู่หน้าร้านบางองค์ถูกห่มคลุมด้วยผ้าจีวร บางองค์ถูกเคลื่อนย้ายไปอยู่ในที่ลับตาบางองค์ยังคงอวดโฉมและตั้งอยู่ที่เดิมเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา.แต่ไม่ว่าพระพุทธรูปองค์นั้นจะตั้งอยู่ที่ไหน จะอวดโฉมโดดเด่นหรือถูกห่มคลุมหรือไม่เราก็รู้ว่าพระพุทธรูปจะยังคงรอยยิ้มละไม อันเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยปริศนาให้ขานไขยิ่งกว่ารอยยิ้มใดๆ หรือแม้แต่รอยยิ้มของโมนาลิซ่า.ว่าสิ่งใดที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มปริศนารอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยเมตตารอยยิ้มที่ปล่อยวาง ว่าง สว่าง และสงบนี่คือรอยยิ้มที่เป็นปริศนาธรรมซึ่งมหาบุรุษผู้หนึ่งได้ค้นพบไว้นานกว่า 2,500 กว่าปี.