เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2562 - พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีตามที่สื่อมวลชนได้ตั้งประเด็นคำถามการดำเนินคดี เกี่ยวกับ ดาราสาว ปราง กัญญ์ณรัณ ถูกใช้ภาพแปะใบปลิวขายหวิวว่อนในต่างประเทศ
ขอเรียนว่าในเบื้องต้นกรณีดังกล่าวนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้รับรายงานว่า น.ส.กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล หรือปราง ผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าวเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษแต่อย่างใด แต่ในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมีความพร้อมที่จะรับคำร้องทุกข์ และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาว่าอยู่ในอำนาจที่จะดำเนินคดีกับบุคคลใดได้หรือไม่ อย่างไร เนื่องจากข้อเท็จจริงในเบื้องต้น ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย หรือมีส่วนหนึ่งส่วนใด เกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องในราชอาณาจักรไทยหรือไม่ หรือเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรไทย
ที่ผ่านมานั้นในกรณีลักษณะเช่นนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายมาโดยตลอด ตามที่ผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์ ซึ่งคงต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าความผิดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความผิดใดตามกฎหมายไทย และหากได้กระทำลงนอกราชอาณาจักรไทย จะสามารถดำเนินคดีได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือไม่อย่างไร และหน่วยงานใดจะเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย
โดยการกระทำลักษณะดังกล่าวเป็นกาการเอาชื่อบุคคลหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบุคคลไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ได้รับความเสียหาย ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ เป็นการละเมิด ตาม ปพพ.มาตรา 420 และยังเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ม.326 ป.อาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และ ม.328 ระบุว่า ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทกระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษร ที่ทำให้ปรากฎไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่นๆ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2ปี และปรับไม่เกิน 2แสนบาท และอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ หากมีการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ มีโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า จึงขอฝากเตือนไปยังกลุ่มบุคคลหรือผู้ที่ได้กระทำการในลักษณะดังกล่าว หรือคิดจะกระทำ ให้หยุดการกระทำเสีย เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย มีความผิดทั้งในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และความผิดตามกฎหมายอาญามีโทษทั้งจำคุกและปรับ ซึ่งในท้ายสุดผู้ที่กระทำการดังกล่าวต้องถูกนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เสียทั้งชื่อเสียงและประวัติ
