วันนี้ (18 ก.พ.63) นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงแผนบูรณาการพลังงานระยะยาว (TIEB) ฉบับใหม่ พ.ศ. 2561-2580 ว่า วันนี้มีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นภาพรวมการขับเคลื่อน TIEB ฉบับใหม่ จำนวน 4 แผน จาก 5 แผนพลังงาน ได้แก่ แผนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ,แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับปรับปรุง(PDP2018) , แผนอนุรักษ์พลังงานของประเทศ (EEP2018) และแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน และมีความสอดคล้องกัน
โดยแผนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในภาคการผลิตไฟฟ้า และความร้อนให้สอดคล้องกับแผน PDP2018 เพื่อสนับสนุนนโยบาย Energy For All ในการสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก
สำหรับ ในปี 2563 – 2567 คาดว่า จะมีพลังงานชีวมวล, ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย), ก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน) และ Solar hybrid กำลังผลิตรวม 1,933 เมกกะวัตต์ พร้อมทั้งปรับลดสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพตามทิศทางการใช้พลังงานในอนาคต ซึ่งยังรักษาระดับเป้าหมายสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนต่อการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ในปี 2580
ขณะที่ แผน PDP2018 ยังคงเป้าหมายรวมไว้เท่าเดิมที่ 18,696 เมกกะวัตต์ ปรับลดเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ลง และปรับเพิ่มเป้าหมายโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กของ กฟผ. 69 เมกกะวัตต์ ปรับเพิ่มเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน) (2) เพิ่มนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เข้าระบบตั้งแต่ปี 2563–2567 มีกำลังผลิตรวม 1,933 เมกกะวัตต์ ในส่วนแผน EEP2018 โดยตั้งเป้าการลดลงร้อยละ 30 ภายในปี 2580
อย่างไรก็ตาม การปรับแผนดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้า สำหรับโรงไฟฟ้าชุมชน ให้เพิ่มขึ้นเกือบ 8 สตางค์ต่อหน่วยจาก ต้นทุนค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 3.59 บาทต่อหน่วย แต่ยืนยันว่า จะบริหารจัดการได้ เพราะรัฐมีแผนจะนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว LNG เพื่อผลิตไฟฟ้าและปัจจุบันราคา LNG ปรับลดลง ซึ่งจะดูแลให้ค่าไฟฟ้าไม่สูงขึ้นมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ไวรัส COVID-19 หนุนคนสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น
-เคาะแล้ว!อัตราค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ 3 สาย โคราชแพงสุดที่ 550 บ.
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
