โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ปรับครม.แน่นอน “สมศักดิ์”ลั่น ชี้พปชร.ตกผลึกเป็นอัญมณี โละหน.-เลขาฯ เพื่อทะยานอันดับ 1 เม้นต์ “ตู่-ป้อม-สมคิด”

MATICHON ONLINE

อัพเดต 04 มิ.ย. 2563 เวลา 01.34 น. • เผยแพร่ 04 มิ.ย. 2563 เวลา 01.33 น.
สมศักดิ์ เทพสุทิน-กัญชา
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

ปรับครม.แน่นอน “สมศักดิ์”ลั่น ชี้พปชร.ตกผลึกเป็นอัญมณี โละหน.-เลขาฯ เพื่อทะยานอันดับ 1 เม้นต์ “ตู่-ป้อม-สมคิด”

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม แกนนำพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นัดแถลงสื่อมวลชน “กินก๋วยเตี๋ยว คุยการเมือง” เพื่อเปิดใจถึงความขัดแย้งภายในพรรคพปชร. เนื้อหากล่าวยืนยันต้องปรับครม. ปรับพรรคเพื่อเป็นเบอร์ อวย-เม้นต์ทั้ง ตู่ ป้อม สมคิด เมื่อวานนี้ (3 มิ.ย.) ที่ร้านกินเส้น ย่านสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายสมศักดิ์ แกนนำกลุ่ม”สามมิตร” ได้กล่าวถึงข่าวการลาออกของกรรมการบริหารพรรคพปชร.จำนวน 18 คน ด้วยว่า

พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคการเมืองใหม่ แม้ยังไม่ใช่พรรคที่มีเสียง ส.ส.มากที่สุดในสภา แต่เมื่อได้รับโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคต้องมีกิจกรรมทางการเมืองที่กระฉับกระเฉง มุ่งมั่นเพื่อที่จะเป็นหลักในทางการเมือง การปรับปรุงองค์ประกอบของพรรค คือการปรับพื้นฐานของพรรคให้มีความหนักแน่น มั่นคงมากขึ้น นำพาพรรคไปสู่การเป็นเสาหลักที่มั่นคงของประเทศต่อไป

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า การปรับปรุงพรรคจะเกิดขึ้นไปได้เรื่อย ๆ เป็นธรรมชาติของพรรคที่มีโครงสร้างที่ยืดหยุ่นสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ดังตัวอย่างของพรรคการเมืองในอังกฤษไม่ว่าจะเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมหรือพรรคแรงงาน จะเห็นการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารพรรคอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในทางการเมือง

“การปรับโครงสร้างทางการเมือง ไม่ได้หมายความว่าผู้บริหารเดิมจะไม่สามารถกลับมาได้อีก บุคคลที่เข้าใจชาวบ้าน เข้าใจชาวชนบท เข้าใจ ส.ส. ย่อมได้รับคะแนนนิยมในพรรค ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ก็สามารถกลับเข้ามาเป็นผู้บริหารสูงสุดของพรรคได้อีกเช่นกัน การลาออกของกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้มีการเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ เปรียบเสมือนกรวดที่หลอมรวมกันและตกผลึกแล้วกลายเป็นอัญมณี และกำลังจะถูกเจียระไนให้มีมูลค่าสูงขึ้น”

นายสมศักดิ์ กล่าวฝากสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ หยุดในสิ่งที่อาจจะทำให้สังคมเข้าใจผิด จากการสัมภาษณ์ พูดคุย หรือสร้างเครื่องมือการสื่อสารทางสังคม ที่อาจทำลายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือบ้านเมือง และอาจจะเป็นการทำลายพรรคในทางอ้อม โดยปกติแล้ว ส.ส. ของพรรคจะมีข้อมูลของประชาชนในพื้นที่อยู่มากแล้ว สามารถใช้โอกาสนี้ไปรับฟังเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่มีอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน นำกลับมาช่วยกันสร้างนโยบายพรรค สิ่งที่เราต้องการคือการเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ของประเทศ เพราะตอนนี้เราเป็นพรรคการเมืองอันดับ 2

ที่หลายคนมอง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ มีความเหมาะสมจะนั่งเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ นั้น การปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีโอกาสที่จะเข้ามาทำงานใหม่ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ใครที่เข้าใจ และเสนอในส่วนที่จะตอบสนองประชาชนและประเทศชาติได้ คนนั้นก็จะได้รับการยอมรับ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง

ที่ถูกมองว่าจะเป็นจุดอ่อนเพราะสืบเนื่องมาจากคสช.หรือไม่ นายสมศักดิ์ ย้ำว่า การเลือกกรรมมาการบริหารชุดใหม่ เป็นเรื่อง สมาชิกด้วย ไม่ใช่แต่ส.ส.อย่างเดียว โดยจะมีตัวแทนแต่ละสาขา ซึ่งการเลือกก็จะขึ้นอยู่กับคนส่วนรวม ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

เมื่อถามย้ำถึงภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประวิตรที่มีปัญหาเรื่องความโปร่งใส โดยเฉพาะเรื่องนาฬิกาหรู จะทำให้พรรคพลังประชารัฐมีผลได้หรือผลเสียมากกว่ากัน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อยากให้มองภาพรวมว่าพรรคได้ประโยชน์อย่างไร ต้องมองที่จุดแข็งว่า พล.อ.ประวิตร จะนำนโยบายของพรรคไปเสนอให้ผู้บริหารสูงสุดได้ ส่วนตัวเชื่อว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้อยากเป็นแต่เพราะสมาชิกร้องขอ และท่านก็ไม่ได้เป็นถึง 5 ปี แต่จะมาเพื่อสร้างบรรทัดฐานทางการเมือง และมันไม่มีใครสมหวัง 100% อย่าคิดหวังว่าจะมีใครดีเลิศ 100%

ขณะที่ความสัมพันธ์กับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นั้น นายสมศักดิ์ ยืนยัน ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม แต่การเลือกผู้บริหารต้องเลือกไปตามแนวนโยบายและสามารถนำไปปฏิบัติสู่ประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน

ส่วนความสัมพันธ์ของนายสมคิดกับกลุ่มสามมิตร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายสมคิด ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้เป็นกลุ่มสามิตร จะเอามาเกี่ยวกับสามมิตรได้อย่างไร เพราะท่านพูดเต็มปากเต็มคำ อีกทั้งพรรคไม่อยากให้มีกลุ่มก้อนเราก็สลายไปแล้ว

เมื่อถามว่า หลังปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ จะนำไปสู่การปรับ ครม. หรือ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แน่นอน เพราะ ไปกระทบ กับโครงสร้างของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้แบ่งโควต้ากระทรวงต่างๆ แต่ละพรรคการเมือง ในพรรคการเมืองต้องดูในแต่ส่วนที่เป็นประโยชน์ ส่วนที่ไม่ตอบสนองประชาชนนั้น ก็ต้องอาศัยโควต้ากลาง อย่างกระทรวงมหาดไทย พร้อมยืนยัน ส่วนตัวดีกับทุกคน ไม่มีปัญหาอะไร ขณะเดียวกัน ยืนยันภายในพรรคไม่เกิดการทะเลาะ แต่การปรับเปลี่ยนเพราะต้องการให้เกิดความกระฉับกระเฉง และขึ้นเป็นพรรคอันดับ 1 รวมถึงปัญหาทั้งหมดจะจบลงด้วยการนำนโยบายที่ดีไปปฏิบัติ

เมื่อถามว่า กรณีที่เกิดการ ปรับเปลี่ยนแล้วทำให้เกิดคนบางกลุ่มในพรรคไม่พอใจ จนจะไปตั้งพรรคใหม่นั้น นายสมศักดิ์ มองว่า คงขาดใจตายก่อน เพราะรัฐบาลเดินมา 1 ปี ดังนั้นกว่าจะเลือกตั้งก็อีก 3 ปี เชื่อว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ครบ 4 ปี เนื่องจากกระแสความนิยมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันตนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั้นเป็นนายกรัฐมนตรีที่สามารถชี้แจงและตอบถึงปัญหาของประชาชนและส.ส.ในสภาได้ดีที่สุด รวมถึงเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ขยันที่สุดตั้งแต่ตนได้ทำงานการเมืองมา

เมื่อถามว่ากรรมการบริหารพรรคที่ยื่นลาออกในความเป็นจริงนั้นมีมากกว่า 18 คนหรือไม่ นายสมศักดิ์ ตอบว่า เป็นเรื่องเทคนิคทางกฎหมาย เพราะกึ่งหนึ่งคือ 17 คน ดังนั้นแค่ 18 คนก็เพียงพอแล้ว ถ้าออกเกือบหมด ก็ดูเหมือนไม่ให้กำลังใจกัน เพราะแต่ละคนที่บริหารมา ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ดังนั้นขออย่านำตัวเลขไปวิเคราะห์ เพราะผิดหมด

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการวิเคราะห์ ว่านายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท จะขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ว่า ก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของสมาชิกทั้งหมด สุดท้ายก็ต้องมีทั้งคนที่สมหวัง และผิดหวัง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0