ครม.เห็นชอบให้มีกองทุน SSF มาแทน LTF ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป ซึ่งมีสาระใหญ่ๆ ที่คนในตลาดหุ้นแสดงความคิดเห็นกันเยอะ
ในประเด็นที่ว่าSSFนั้นต้องถือยาว10ปีนับวันชนวัน อาจลดแรงจูงใจคนซื้อลง รวมถึงให้ซื้อไม่เกิน2แสนบาท โดยให้ไปหักลบโควตาการซื้อRMF/PVD/กบข./ประกันบำนาญ แม้มีเพิ่มอัตรา%เพดานซื้อเป็น30%ของรายได้พึงประเมินก็ตาม และกองSSFนั้นจะลงทุนในหุ้นก็ได้ ไม่ลงในหุ้นก็ได้ นักวิเคราะห์หลายท่านได้คาดการณ์ว่า เบ็ดเสร็จแล้วเม็ดเงินที่เข้าตลาดหุ้นจากกองเหล่านี้ จะลดลงไม่ต่ำกว่าปีละ2หมื่นล้านบาท
และการที่ LTFกำลังจะสิ้นสุดโปร การให้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ ภายในปลายธันวาคม2562นี้ ประจวบกับเป็นช่วงที่หุ้นไทยยังไม่แข็งแรง จึงมีคำถามจากผู้ออมเงินเกี่ยวกับLTFมากมาย
ทั้งนี้ ผมอยากสรุปประเด็นสำคัญที่เราควรพิจารณาเพื่อตัดสินใจเรื่อง LTFในช่วงเวลานี้ ดังนี้ครับ
LTFเป็นกองทุนที่ต้องลงทุนในหุ้นอย่างน้อย65%ของทรัพย์สิน ซึ่งกองที่ขายกันอยู่ก็มีทั้งประเภทลงหุ้น70%และประเภทลงหุ้นเกือบเต็มกอง ดังนั้นผู้ซื้อกองทุนต้องถามตัวเองก่อนว่า สบายใจที่จะถือหุ้นยาว5ปีกว่าหรือไม่
ถ้าซื้อตอนนี้ (ธันวาคม 2562) ต้องถือจนถึงต้นปี2568คงต้องคาดการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศก่อนตัดสินใจ ในความเห็นของผม เชื่อว่าเศรษฐกิจไทย5ปีหน้า คงเติบโตบ้างอาจจะช้าหน่อย แต่หากโต2-3%ต่อปี ผ่านไปถึงปี2568ขนาดเศรษฐกิจและกิจการของบริษัทจดทะเบียน ควรโตกว่าขณะนี้ราว15%แต่ถ้าคาดว่าเศรษฐกิจจะย่ำแย่ และเชื่อว่าหุ้นจะตกมาก ก็อย่าซื้อกองทุนLTFหรือหุ้น
**สถิติหุ้นไทยโดยเฉลี่ย 5ปี จะขึ้น3ปี ลง2ปี ถ้าเป็นไปแบบเดิมวงจร5ปี จะรวมกันเป็นบวก
นอกเหนือจากการจะต้องคาดคะเนระดับราคาหุ้นในต้นปี 2568ที่เราจะได้ขายLTFก็ต้องดูประโยชน์ของการประหยัดภาษีของเงินได้จากLTFมารวมกัน เพื่อประเมินว่าผลตอบแทนจากLTFเฉลี่ยปีละเท่าไหร่
ขอสมมติตัวเลขซื้อ LTFที่100,000บาท ซื้อกองที่ลงทุนหุ้นเต็มที่ (เช่น กองSET50) โดยซื้อช่วงปลายเดือนธันวาคม2562แล้วไปขายต้นมกราคม2568เป็นเวลา5ปีเศษ (7พ.ศ.) และสมมติว่าราคาหุ้นต้นปี2568สูงกว่าตอนนี้10%(สุทธิจากค่าบริหารจัดการของ บลจ.)
ถ้าต้องการซื้อ จะมีเวลาที่ต้องทำให้ทันภายในวันทำการสุดท้ายของปีคือ 30ธันวาคม2562ไม่ใช่31ธันวาคม2562นะครับ และต้องภายในเวลาที่กำหนดของวัน แนะนำท่านต้องสอบถามแต่ละที่ด้วย
วันสุดท้ายที่ซื้อได้นั้นคนจะเยอะมาก โดยเฉพาะปีนี้กำลังจะหมดโปรพิเศษความเป็น LTFที่ดีกว่าSSFมีนักลงทุนบางท่านบอกกับผมว่า ไม่เคยซื้อLTFแต่ปีนี้คิดว่าจะซื้อก่อนหมดโปรพิเศษของความเป็นLTF
มีนักลงทุนถามไว้ว่า หากไม่มีรายได้เป็นเงินเดือน แต่มีรายได้เป็นเงินปันผล (จำนวนมาก) จะนำมานับเป็นเงินได้พึงประเมินเพื่อคูณอัตรา 15%เป็นวงเงินซื้อLTFได้หรือไม่นั้น เท่าที่ผมดูจากเอกสารปีก่อนของสรรพากร เขาให้นับเงินปันผลได้ครับ อย่างไรก็ตาม ท่านอาจสอบถามจากกรมสรรพากรถึงหลักเกณฑ์ในปี2562อีกครั้ง
ท่านที่ซื้อ LTFแม้จะได้ตัวช่วยจากภาษี แต่ท่านก็ต้องเสียความเป็นอิสระในการขายLTFภายใน5ปีเศษ ความคุ้มค่าของภาษีที่ได้ คงต้องขึ้นกับความประเมินของแต่ละคน ไม่เช่นนั้นหากขายก่อนกำหนด ท่านก็จะมีค่าปรับจากการผิดเงื่อนไข
อีกข้อหนึ่งที่ต้องฝากคือ ก่อนซื้อท่านต้องแน่ใจว่าภายในระยะเวลาที่ท่านถือ LTFท่านจะไม่มีเรื่องใหญ่ในการใช้เงิน เช่น ซื้อรถ ซ่อมบ้าน แต่งงาน ตกงาน ฯลฯ
มีกอง LTFชนิดที่จ่ายปันผล (ถ้ามีกำไร) กับที่เก็บกำไรไว้ลงทุนต่อ หากเรารับปันผลก็ต้องเสียภาษี แต่หากเก็บรวมไว้ในNAVเมื่อเราไปขายแล้วได้กำไร ไม่ต้องเสียภาษีครับ
*หวังว่าข้อพิจารณาเหล่านี้ คงช่วยให้ท่านตัดสินใจเรื่อง LTFช่วงสุดท้ายได้นะครับ