โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ประสบการณ์กักตัว 14 วัน อ่านแล้วรู้สึกภูมิใจกับประเทศไทยมากๆ

คมชัดลึกออนไลน์

อัพเดต 28 พ.ค. 2563 เวลา 16.37 น. • เผยแพร่ 28 พ.ค. 2563 เวลา 16.07 น.

หนุ่มไทยท่านหนึ่ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เล่าประสบการณ์การกักตัว 14 วัน ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเจ้าตัวเล่าเรื่องระบุ อยากกลับเมืองไทยแต่ก็กลับไม่ได้ เพราะไฟล์ทบินก็ถูกยกเลิกหมด เขาเดินทางไปต่างประเทศเนื่องจากบริษัทที่ทำงานของเขาส่งตัวไป 

 

เจ้าตัวดิ้นรนจนกระทั่งได้กลับไทย และได้ไปในสถานที่กักตัวที่ทางรัฐ จัดไว้ให้ เจ้าตัวถึงกับบอกว่า ไม่แปลกใจเลยที่ไทยมีผู้ติดเชื้อน้อยนิด และต่างจากประเทศที่เขาไป และเจ้าตัวรู้สึกภูมิใจกับประเทศไทยมาก ๆ 

หนุ่มผู้โพสต์ระบุว่า บันทึกประสบการณ์ครั้งหนึ่ง ครั้งแรก และขอให้เป็นครั้งเดียว 14 วันกักตัว

 

- 15 มีนาคม 2020 คือวันแรกของ MCO และเริ่มวงจรอุบาศก์ของชีวิตที่ติดอยู่ห้องที่มาเลเซีย ตื่นนอน อาบน้ำ ทำงาน ประชุม กินข้าว สั่งแกร็บ นอน วนอยู่แบบนี้มาตลอดเกือบ 3 เดือน แรกๆ ก็ลำบาก แต่พอเริ่มปรับตัวได้ก็พยายามหากิจกรรมทำ ออกกำลังกาย เล่นเกมส์ เรียนภาษาญี่ปุ่นผ่านยูทูป โคตรเป็นชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ได้ลำบาก แต่ก็แอบทรมาน

 

อยากกินอาหารอร่อยได้แต่มองรูปและสไลด์หน้าเฟซบุ๊กผ่านไป ก็มาเลเซียมันไม่มีนี่นา อยากกลับเมืองไทย กลับไม่ได้ ไม่มีไฟท์ล ที่จองการบินไทยไปแคนเซิลหมด แถมหากกลับได้ยังต้องมีเอกสาร ใบรับรองอีกมากมาย

 

เอาน่ะ เทียบกับคนอื่นเราก็ไม่ได้ลำบากมาก ยังหาข้าวกินได้ มีที่พักปลอดภัย มีงานทำ เลยคิดว่าจะรอจนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่มันไม่ดีเลย พอปลด MCO คนมาเลเซียบางคนเดินข้างนอกไม่ใส่หน้ากากแล้ว ทั้งๆ ที่แต่ละวันมีคนติด 50 เคสอัพ ถ้าเกิด superspreader ไม่ต้องสืบเลย MCO รอบ 2 มาแน่นอน แล้วจะให้มาติดเกาะแบบนี้อีก 3 เดือน ตัดสินใจได้ สรุป หาทางกลับดีกว่า

 

มาเจอสถานกงสุลที่ช่วยเหลือคนไทยให้ลงทะเบียนว่ามีใครประสงค์จะกลับบ้านบ้าง กว่าจะกลับได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร และเกือบไม่ได้กลับเพราะลงทะเบียนไม่ทัน

 

ตัดมาที่เมืองไทยเลยละกัน ก้าวแรกที่ลงเครื่องตกใจมาก เจ้าหน้าที่ทุกคนมาเป็น full armor suit เหมือนในเกมใส่ตั้งแต่หัวยันเท้า ในขณะที่มาเลเซียในสนามบินเราไม่เห็นเจ้าหน้าที่คนไหนใส่เลย

 

ระบบการจัดการเมืองไทยใส่ใจกว่ามาก เป็นระเบียบ เป็นขั้นตอน ไม่แปลกใจที่จำนวนคนติดเชื้อน้อย หลังจากลงจากเครื่อง เจ้าหน้าที่ก็ต้อนทุกคนไปยังจุดนั่งรอ มีเก้าอี้เซ็ตเป็นแถวเรียงกันห่างๆ ระหว่างนั่งรอเจ้าหน้าที่ก็อธิบายขั้นตอนให้ฟังและเตรียมเอกสาร เค้าจะเรียกไปทีละหน้ากระดานเข้าไปพบกับเจ้าหน้าที่ทาง สธ. ที่คอยยืนสกรีนสอบถามประวัติ ตรวจอุณหภูมิ และลงบันทึกข้อมูลเพื่อติดตามภายหลัง

 

ผ่านออกมาก็จะเจอแถวให้นั่งรออีก แถวละ 10 คน 2 แถว พอครบก็ให้เดินเป็นขบวนห่างๆ ไปยังจุดตรวจต่อไป มีเจ้าหน้าที่เช็กเอกสารและค่อยๆ ปล่อยให้เข้าไปจุดตรวจ ตม. แต่แค่ทีละ 2-3 คน ตรงจุด ตม. ก็ตรวจตามปกติแต่ทุกเคาน์เตอร์จะมีเจ้าหน้าที่คอยทำความสะอาด พ่นน้ำยาเช็ดทุกครั้งหลังมีคนผ่านออกไป และไม่ต้องแสกนนิ้วมือแล้ว สะอาดเวอร์

 

พอผ่าน ตม. ออกมาตรงจุดรับกระเป๋าก็จะมีพี่ตำรวจ หรือทหารนี่แหละ คอยช่วยส่งกระเป๋าให้แล้วก็ค่อยๆ เดินเรียงแถวออกจากสนามบิน เจ้าหน้าที่จะให้บัตรหมายเลขและมีจุดแจกน้ำ ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายก่อนผ่าน custom

 

พอออกมาด้านนอก Gate สนามบิน เราจะเห็นรถบัสมาจอดรอรับเพื่อพาไปยังสถานที่กักตัว แต่ยังขึ้นรถไม่ได้นะ จะมีทหารรอดักอยู่เป็นกลุ่มๆ ที่หน้าประตู พอเดินออกมา เค้าจะให้เราเอากระเป๋าไปวางในช่องที่ขีดไว้สีแดงๆ แล้วให้สั่งเราถอยไปจากนั้นก็พ่นฆ่าเชื้อรอบกระเป๋าทุกใบ เราคืนหมายเลขให้เจ้าหน้าที่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ลากขึ้นรถให้เองเลย ส่วนเราก็ขึ้นรถไปนั่งรอเป็นอันจบ ในที่สุดก็ผ่านออกมาได้

 

บนรถแต่ละคนนั่งแยกกัน จนมาถึงที่กักตัวซึ่งสถานที่กักตัวก็คือ โรงแรมนึงในพัทยา เรานั่งรอบนรถนานมาก มารู้ทีหลังว่าเค้าทยอยให้ลงทีละคันรถ เพื่อไม่ให้คนมาออกันข้างล่าง เจ้าหน้าที่ขนกระเป๋าลงมารวมไว้ตรงกลาง แล้วให้ลงมาทีละ 5 คน หยิบกระเป๋าแล้วผ่านจุดตรวจอุณหภูมิอีกรอบก่อนเข้าโรงแรม เข้าไปจุดเช็กอิน เค้าให้ถือบัตรประชาชนกับคีย์การ์ดแล้วถ่ายรูป ผ่านเข้าไปจะมีจุดมาร์กที่พื้น ให้ต่อแถวขึ้นลิฟท์ห่างๆ ทีละคน ซึ่งขั้นตอนทั้งหมด ไม่มีการเข้าใกล้ ไม่มีการสัมผัสทั้งสิ้น

 

ขึ้นมาบนห้องพัก บนโต๊ะจะมี instruction ให้ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง มีกลุ่ม LINE เพื่ออัปเดตกัน ทั้งของโรงแรมและหมอ ทุกคนจะต้องวัดไข้รายงานทุกวันเช้าเย็น ทุกอย่างละเอียด และหลังวันที่ 5 และ 10 ที่กักตัวจะต้องโดน swop ไปตรวจเชื้อ อาหารมื้อแรกเป็นข้าวผัดธรรมดานี่แหละ แต่อร่อยมาก จากร้านครัวร่มไม้

 

เจ้าหน้าที่ทุกคนตั้งใจและใส่ใจ ทุกคนทำงานกันหนักและตั้งใจจริงๆ ประทับใจและภูมิใจในประเทศไทยมาก จริงๆอยากถ่ายรูปมาให้ดู แต่หลายๆ ขั้นตอนก็ไม่ได้สะดวกถ่ายจริงๆ มีเท่าที่เห็นนี่แหละนะ

 

โพสต์นี้น่าจะเป็นโพสต์ที่ยาวที่สุดที่เคยเขียน แค่อยากเขียนเก็บไว้และแชร์ประสบการณ์เผื่อเป็นประโยชน์ครับ

 

ชี้แจงเพิ่มเติม มีคนดราม่าว่าไปทำไม กลับมาแล้วสร้างความวุ่นวาย แต่ละคนก็มีภาระหน้าที่และสถานการณ์ต่างกันนะ กรณีผมคือ บริษัทส่งตัวไปทำงานที่ต่างประเทศครับ เงินภาษีทุกบาท ทุกสตางค์ก็ยังจ่ายให้กับประเทศไทยครับ จุดประสงค์ของการโพสต์ ไม่ได้อยากให้ดราม่ากันนะ ถ้าไม่ถูกใจท่านไหนก็เลื่อนผ่านไปได้เลยครับ

 

 

 

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก Korrapat Than

 

 

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0