ประธานวิปฯ สวน ส.ส. เศรษฐกิจใหม่ กล่าวหาฝ่ายค้านสนแต่การเมือง สะท้อนไม่ได้ทำงานจริงจัง

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย  ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการที่ ส.ส. พรรคเศรษฐกิจใหม่ระบุว่ามีความอึดอัดในการทำงานร่วมกับฝ่ายค้าน ว่า ในการประชุมวิปฝ่ายค้านเช้าวันนี้จะหารือร่วมกับกับทุกพรรคฝ่ายค้านเพื่อกำหนดเป้าหมายของฝ่ายค้านให้ชัดเจนขึ้น  พร้อมมองว่า การจะไม่ลงมติในทิศทางเดียวกันของพรรคฝ่ายค้าน สามารถทำได้หากมีเหตุผลที่เข้าใจได้ ซึ่งควรชี้แจงให้พรรคอื่นๆรับทราบให้ชัดเจน แต่หากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากๆ เช่น การขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคต้องพูดคุยกันให้ตกผลึกเพื่อให้มีเอกภาพในการแสดงออก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> “เศรษฐกิจใหม่” แถลงยืนยัน ไม่ย้ายขั้วร่วมรัฐบาล แต่รับอึดอัด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> “เศรษฐกิจใหม่” รับ มี ส.ส. ย้ายขั้วร่วมรัฐบาล

ส่วนกรณีที่พรรคเศรษฐกิจใหม่อ้างว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆให้ความสำคัญกับเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องเศรษฐกิจ นายสุทิน มองว่า ไม่เป็นความจริง และการพูดเช่นนี้สะท้อนว่าผู้พูดไม่ได้ทบทวนการทำงานอย่างจริงจัง เพราะ หากพิจารณาอย่างดีจะพบว่า ฝ่ายค้านเน้นเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องไม่น้อยไปกว่าเรื่องการเมือง เช่น การตั้งกระทู้ถามก็จะแบ่งเป็นเรื่อง เศรษฐกิจ และ การเมือง อย่างละ 1 เรื่องเท่ากัน หรือการเสนอญัตติต่างๆก็มีเรื่องปากท้องของชาวบ้านทุกครั้ง รวมถึงมองว่าอาจเป็นเพราะพรรคเศรษฐกิจใหม่เป็นส.ส.ใหม่ทั้งหมดจึงไม่เข้าใจการทำงานในสภา ว่า ฝ่ายค้านมีข้อจำกัดมากกว่ารัฐบาล จึงอาจผลักดันงานด้านเศรษฐกิจไม่ได้มาก

ส่วนกรณีที่พรรคเศรษฐกิจใหม่มักมีข่าวว่าจะย้ายขั้วหลายครั้ง นายสุทิน มองว่า อาจเป็นเพราะภายในพรรคมีปัญหาเรื่องเอกภาพและเสภียรภาพเช่นเดียวกัน เห็นได้จากการปรับเปลี่ยนหวัหน้าพรรค ซึ่งการมีข้อจำกัดดังกล่าวอาจทำให้ถูกระแวงว่าจะมีการย้ายฝ่าย แต่ส่วนตัวยังมั่นใจว่า พรรคเศรษฐกิจใหม่จะไม่นอกลู่นอกทาง

ส่วนกรณีที่นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นเรื่องขอให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สอบวินัยและมาตรฐานจริยธรรม 3 ส.ส. สุรินทร์ ที่ไปต้อนรับนายกรัฐมนตรีระหว่างการลงพื้นที่ จะกระทบกับเสถียรภาพของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสุทิน ระบุว่า ภายในพรรคพูดคุยกันแล้ว แต่นายยุทธพงษ์อาจรู้สึกไม่พอใจซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถดำเนินการได้ แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่าจะสามารถตกลงกันได้ ซึ่งหากมีการสอบวินัยจริงก็จะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ส.ส.ของพรรคต้องยึดถือไว้ใช้หากนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่อื่นๆอีก ย้ำว่าพรรคไม่ห้ามส.ส.ไปต้อนรับนายกรัฐมนตรี แต่ต้องแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสม