โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ประกอบไทยราคาดีงาม ทดสอบ MERCEDES CLS53 AMG 4MATIC+

ไทยรัฐออนไลน์ - Auto

อัพเดต 27 ก.พ. 2563 เวลา 02.59 น. • เผยแพร่ 27 ก.พ. 2563 เวลา 03.00 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

Mercedes-Benz New CLS Coupé W257 เวอร์ชั่นแรง 53 AMG ราคา 5,380,000 บาท เป็นรถสปอร์ตซาลูน 4 ประตู เจนเนอเรชั่นที่สามของ Mercedes-Benz เปิดตัวในปี 2018 ด้วยเรือนร่างใหม่ที่สร้างแรงดึงดูดให้กับคนรักแบรนด์ตราดาว ด้วยการรักษาจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโมเดล หลังจาก CLS โมเดลก่อนหน้าสามารถทำยอดขายทั่วโลกกว่า 375,000 คัน นับจากการเปิดตัว CLS เจนเนอเรชั่นแรกในปี 2004 การกำหนดรูปแบบใหม่ของตัวถังและโครงสร้างเพื่อความทันสมัยของรถ CLS รุ่นใหม่ในเจนเนอเรชั่นที่ 3 ยังคงเอกลักษณ์เดิมเอาไว้อย่างครบถ้วนกระบวนความ New CLS มีสัดส่วนของตัวถังที่โค้งมนเหมือนกับบรรพบุรุษของมันทุกประการ แต่มีความทันสมัยสวยงามตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป

New CLS Coupé รุ่น 53 AMG มาพร้อมกับเส้นโค้งรอบคันโดยเฉพาะฝากระโปรง แนวหลังคาและฝาท้าย ด้านข้างของตัวรถลื่นไหลพร้อมบานประตูแบบสปอร์ตที่ไม่มีการติดตั้งกรอบกระจก การทำตัวเป็นรถซาลูนทรงคูเป้พร้อมรูปลักษณ์ที่ไหลลื่น เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการออกแบบ โครงสร้างหลักของ New CLS Coupé เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของวิวัฒนาการเชิงตรรกะ จากแนวคิดของการออกแบบ Sensual Purity เชื่อมโยงคนขับกับอุปกรณ์ภายใน ผสานกับกำลังของเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเทอร์โบและชุดส่งกำลัง 9G Tronic ที่มีประสิทธิภาพ

อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกจากโรงงานของ Mercedes-Benz New CLS 53 AMG Coupé 4MATIC+ ติดตั้งไฟหน้าแบบ Full LED เป็นระบบส่องสว่างที่มีประสิทธิภาพ ควบรวมเทคโนโลยีของระบบส่องสว่างแบบใหม่เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยของการขับตอนกลางคืนบนเส้นทางที่ปราศจากแสงไฟส่องถนน ไฟหน้าสามารถปรับตัวเองแบบอัตโนมัติเพื่อไม่ทำให้แสงไฟไปรบกวนรถคันอื่น ชุดไฟหน้า Multibeam LED เวอร์ชั่นล่าสุด พร้อมฟังก์ชันระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) ปรับไฟหน้าตามการหักเลี้ยวของพวงมาลัย ALS (Active Light System) รูปทรงไฟหน้าแบบใหม่มีความคล้ายกับ Maserati ออกแบบให้ไฟหน้ามีเหลี่ยมมุมสอดรับกับเส้นสายบริเวณกระจังหน้า ฝากระโปรงและแก้มข้างเพื่อความกลมกลืน ด้านข้างตัวไหลลื่น กรอบประตูทั้ง 4 บานเดินเส้นอัลลอยสีดำ กระจกมองข้างแบบสปอร์ตพร้อมหลอดไฟเลี้ยว LED มือจับที่เปิดประตูสีเงิน ไฟท้ายมีรูปทรงคล้ายกับรถ Audi บั้นท้ายออกแบบได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะความดุดันของรุ่น 53 AMG ที่มีท่อระบายไอเสียทรงกลมฝั่งละสองท่อคู่ ส่วนไฟท้ายแบบใหม่ของ New CLS ใช้หลอดไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยี Fibre Optic 

อากาศพลศาสตร์มีความสำคัญต่อการเคลื่อนที่และประสิทธิภาพของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง Mercedes Benz New CLS Coupé แม้ตัวถังจะมีขนาดใหญ่แต่แอร์โรไดนามิกที่ดีจากการออกแบบทำให้มีความลู่ลมสูง Mercedes Benz เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการออกแบบตัวถังที่เชื่อมโยงกับอากาศพลศาสตร์ New CLS Coupé มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศอยู่ที่ 0.26 (Cd 0.26) เป็นผลลัพธ์จากการปรับปรุงรายละเอียดของตัวรถในขั้นตอนของการพัฒนา โดยจำลองรูปทรงด้วยคอมพิวเตอร์และทดสอบในอุโมงค์ลม แพ็กเกจที่มอบความสะดวกสบายแบบ Acoustic Comfort ด้วยการเก็บเสียงที่ดีเยี่ยม ความลู่ลมของ New CLS ยังช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง

Mercedes-Benz CLS 53 AMG มีขนาดตัวถังสูสีกับ Mercedes Benz New E-Class แต่ใช้รูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวเพรียวลมเพื่อกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ชอบรถสปอร์ต 4 ประตู New CLS 53 AMG Coupé 4MATIC+ มีขนาดความยาวของตัวถัง 4,988 มิลลิเมตร ขนาดความกว้างเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1,890 มิลลิเมตร สูง 1,422 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ วัดจากดุมหน้าไปหลัง 2,939 มิลลิเมตร เปรียบเทียบกับ CLS รุ่นเดิมโฉมปัจจุบันที่มีความยาว 4,937 มิลลิเมตร กว้าง 1,881 มิลลิเมตร สูง 1,418 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,874 มิลลิเมตร จะเห็นว่า MercedesBenz New CLS 53 AMG Coupé รุ่นใหม่นี้ ยาวขึ้น 55 มิลลิเมตร กว้างขึ้นเล็กน้อย 9 มิลลิเมตร รวมถึงความสูงก็ยังมากขึ้นอีกนิด ฐานล้อยาวขึ้น 65 มิลลิเมตร โอเวอร์แฮงค์ที่มีการออกแบบให้สั้นกระชับมีส่วนทำให้เกิดความคล่องตัวเมื่อเลี้ยวกลับลำหรือถอยจอดในพื้นที่คับแคบ ล้ออัลลอยขอบ 20 นิ้วของ AMG เป็นล้อลาย 5 ก้านคู่รุ่นใหม่ที่ล้างทำความสะอาดได้ง่าย ยางสปอร์ตประสิทธิภาพดีจาก Michelin รุ่น Pilot Sport 4S ยางหน้าขนาด 245/35ZR20 ยางหลัง 275/30ZR20

ภายในของ New CLS 53 AMG Coupé 4MATIC+ มีการตกแต่งที่เน้นความหรูหราคล้ายกับภายในของ E-Class Coupé วัสดุและโทนสีภายในของ New CLS 53 AMG Coupé สร้างบรรยากาศให้มีความน่าขับ สะท้อนรูปทรงที่ไหลลื่นของภายนอก สำหรับการแสดงผลโดยรวมที่สง่างาม การออกแบบจะทำให้ความก้าวหน้าเหมือนคลื่นจากด้านหน้าไปที่ประตูด้านหลังและเปิดออกที่เสา B ในฐานะที่เป็นจุดเด่นใหม่ของบรรยากาศแสงสว่างช่องระบายอากาศที่เรืองแสงจะชวนให้นึกถึงกังหันของเครื่องบินเจ็ต เป็นครั้งแรกของสปอร์ตซาลูน CLS Coupé ที่กลายเป็นรถห้าที่นั่ง เมื่อต้องการขนสัมภาระเบาะหลังถูกออกแบบให้สามารถพับเก็บในรูปแบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มช่องเก็บสัมภาระขนาด 520 ลิตร คอนโซลกลางตกแต่งด้วยงานคาร์บอนไฟเบอร์ แดชบอร์ดและแผงประตูประดับประดาด้วยงานอะลูมิเนียมสีเงินพร้อมตำแหน่งของกรวยลำโพงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดสลับซับซ้อนและสง่างาม 

ระบบรักษาช่องทาง Lane Keeping Assist ระบบรักษาและปรับความเร็วอัตโนมัติ Speed Limit Assist จอภาพมาตรวัดและจอภาพของระบบแสดงผลมัลติมีเดียขนาดความยาว 12.3 นิ้ว ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambience lighting เป็นหลอดไฟ LED ปรับเฉดสีได้ 64 สี ช่วยสร้างบรรยากาศภายในเมื่อขับตอนกลางคืน โดยสามารถปรับสีสันได้ตามใจชอบ ปรุงแต่งบรรยากาศการขับขี่ตอนกลางคืนด้วยหลอด LED ที่เปลี่ยนสีได้ตามการปรับตั้ง ช่องระบายความร้อน พร้อมโมดูลสื่อสารและเชื่อมต่อ communication module with LTE / Mercedes me connect services

New CLS 53 AMG 4MATIC + มีงานตกแต่งภายในที่แตกต่างในด้านของรายละเอียด วัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในของรถรุ่นนี้ถูกเน้นหนักไปด้านอารมณ์พร้อมกับความหรูหราในสไตล์ของแบรนด์ตราดาว เบาะ AMG ปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ แผงคาร์บอนไฟเบอร์และงานอัลลอยสีเงินยวงประดับประดาอยู่บนแดชบอร์ด พวงมาลัย AMG ทรงสามก้านหุ้มด้วยหนังสองแบบมีรอบวงที่อวบอ้วนจับได้กระชับมือดีมาก ช่องแอร์แบบใหม่พร้อมหลอดไฟ LED ที่ตกแต่งอยู่ในช่องแอร์แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการเอาชนะรถดีๆ อย่าง BMW Series 6 Gran Coupe เครื่องเสียงชั้นดี Burmester High-End 3D Surround-Sound system ติดตั้งลำโพง 13 ตำแหน่ง กำลังขับ 590 วัตต์ ให้เสียงเพลงที่เล่นผ่าน USB / iPod/ bluetooth มีความคมชัดสมจริงและเต็มไปด้วยมิติของเสียงเบส เสียงกลางและความจัดจ้านของเสียงแหลมเป็นชุดเครื่องเสียง Burmester ที่ทำกรวยลำโพงได้สวยงามสมราคาค่าตัว 5.3 ล้านของมันอย่างที่สุด 

โดยภาพรวม หากไม่นับของแต่งจาก AMG คุณก็จะพบว่ารถรุ่นนี้ใช้วิธีแชร์ชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในร่วมกับ New E-Class และ New E-Coupe ทำให้ห้องโดยสารของ New CLS เหมือนกับพี่น้องของมันจนแยกแทบไม่ออก !

โหมดการขับเคลื่อน
1-Silppley
โหมดขับเคลื่อนบนผิวถนนที่เปียกลื่น เน้นการขับขี่แบบค่อยเป็นค่อยไปที่ช่วยให้การควบคุมทิศทางขณะฝนตกหรือผิวถนนเปียกแฉะ โดยลดการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้า ระบบส่งกำลังจะดันอัตราทดขึ้นสู่เกียร์สูงเพื่อลดแรงบิดแบบฉับพลันทันทีที่อาจก่อให้เกิดอาการลื่นไถล

2-COMFORT
โหมดมาตรฐานเมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ทุกครั้งเจ้า CLS จะเข้าสู่โหมดนี้ COMFORT ออกแบบมาเพื่อการควบคุมและการตอบสนองด้วยค่าที่เป็นกลาง ใช้ขับทั้งในและนอกเมืองได้ดี คันเร่งไวกว่าโหมด Silppley  แต่ยังเน้นความประหยัดสำหรับการขับใช้งานในชีวิตประจำวัน คันเร่งจะหน่วงลดลงจาก Silppley แต่ไม่ไวเท่า Sport

3-SPORT
พวงมาลัยตั้งรับการขับที่เร็วขึ้นด้วยน้ำหนักที่ค่อนข้างกระชับรัดกุม คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองได้เร็วขึ้น เกียร์ 9G-Tronic คาอยู่เกียร์ 3-4-5 เพื่อเรียกแรงบิดนานเป็นพิเศษ

4-SPORT+
คันเร่งไฟฟ้ายังคงตอบสนองได้เร็วเหมือนกับ Sport Mode เกียร์คาให้ลากรอบในตำแหน่งเกียร์ 3-4-5 หรือชิฟเกียร์ลงเองอย่างเร็วเมื่อใช้เบรกหนักๆ บางจังหวะเกียร์เชนลงต่ำให้ถึง 2 เกียร์ ระบบรองรับโดยเฉพาะโช้คไฟฟ้าปรับตัวเองให้ทำงานช้าลงหรือหนืดขึ้นเพื่อรองรับการขับด้วยความเร็วสูง

5-INDIVIDUAL
ผู้ขับสามารถเลือกปรับการตอบสนองแบบแยกย่อยของระบบต่างๆ เช่น เครื่องยนต์ เกียร์ พวงมาลัย และระบบรองรับหรือช่วงล่างได้ตามต้องการ ในรูปแบบของตัวเอง 

เครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ล่าสุดจาก AMG ที่ประจำการอยู่ในรถสปอร์ตรหัส 53 เป็นแบบแถวเรียง 6 กระบอกสูบ อัดอากาศด้วยเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ เป็นเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ตราดาว ระบบ EQ Boost ใช้ไดสตาร์ตทำหน้าที่เป็นมอเตอร์สตาร์ตด้วย ISG มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลัง 16 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 250 นิวตัน-เมตร โดยวางแทรกอยู่ในชุดเกียร์ 9G-Tronic คอยเสริมแรงและรับหน้าที่ส่งกำลังไฟฟ้าไปหมุนปั๊มน้ำกับคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำให้ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้สายพานหน้าเครื่องยนต์อีกต่อไป ช่วยลดกำลังที่สูญเสียไปกับแรงเสียดทาน ช่วยทำให้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงของ AMG มีขนาดที่สั้นลง เมื่อทำงานร่วมแกนกับระบบไฮบริดจิ๋วขนาด 48 โวลต์ E-Compressor หรือที่ Mercedes เรียกว่า EQ Boost ช่วยลดอาการรอรอบหรือเทอร์โบแลคได้ดี เมื่อกดคันเร่งเต็มที่ แรงบิดสูงสุดจะมาเร็วมากในเวลาแค่ 0.2 วินาที ตั้งแต่ยังไม่ถึง 2,000 รอบต่อนาที แรงบิดก็เทออกมาจนเกือบหมดแล้ว

การป้องกันอาการเทอร์โบแลคหรืออาการรอรอบนั้น Mercedes-Benz ร่วมมือพัฒนากับค่าย Audi และ Bentley เพื่อปรับปรุงระบบ E-Compressor (EQ Boost) ถูกใช้เพื่อลดอาการรอรอบในเครื่องยนต์เบนซิน โดยทำงานร่วมกับ ISG ตัว eZV ประกบอยู่กับเทอร์โบที่ต่อเข้ากับท่อไอเสีย มันสามารถเร่งรอบการทำงานได้ถึง 70,000 รอบต่อนาที ในเวลาเพียงแค่ 0.3 วินาที ช่วยเพิ่มบูสให้กับเครื่องยนต์ในย่าน 1,000-3,000 รอบต่อนาที โดยไม่มีข้อจำกัดในด้านของรอบเครื่องยนต์และโหลด

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงเทอร์โบคู่ รุ่นใหม่ล่าสุด ใช้ฝาสูบแบบดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 4 วาล์วต่อสูบ = 24 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ 83.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 กำลังสูงสุดมากถึง 435 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที (กำลังมากกว่าเครื่องยนต์ 6 สูบของ BMW M4 ประมาณ 5 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 520 นิวตัน-เมตร หรือ 52.98 กิโลกรัม/เมตร ในย่าน 1,800 – 5,800 รอบต่อนาที (น้อยกว่า BMW M4 ที่ทำได้ 550 นิวตัน-เมตร) ระบบ EQ Boost Assist ทำงานร่วมกับ EQ Boost Starter Generator กำลัง 16 กิโลวัตต์ หรือ 22 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร หรือ 25.45 กิโลกรัม/เมตร แบตฯ ลิเทียมไอออนความจุ 48V เสริมอัตราเร่งด้วยการป้อนพลังงานไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ที่ฝังอยู่ในเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G-Tronic ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ all-wheel drive ชุดกระจายแรงบิด fully variable torque distribution เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ ทวินเทอร์โบหรือเทอร์โบคู่พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ตัวนี้ สร้างกำลังได้มากถึง 320 กิโลวัตต์ หรือ 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 520 นิวตัน-เมตร สมรรถนะของ CLS 53 AMG เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อย CO2 200 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร CLS 53 Coupe 4MATIC + คือการผสมผสานการออกแบบที่เน้นบรรยากาศของรถสปอร์ตกับไดนามิกของการควบคุมในสไตล์ของแบรนด์ตราดาว บนแนวทางการปรุงแต่งจากสำนัก AMG จุดเด่นของเครื่องยนต์เบนซินแบบใหม่ขนาด 3.0 ลิตร คือ ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์และคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้า EQ Boost Assist

ระบบส่งกำลังหรือเกียร์ของ New CLS 53 AMG Coupé ใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ 9G-Tronic With 4-MATIC+ พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ส่วนตัวเลขอัตราทดเกียร์ มีดังต่อไปนี้

เกียร์ 1-5.35
เกียร์ 2-3.24
เกียร์ 3-2.25
เกียร์ 4-1.64
เกียร์ 5-1.21
เกียร์ 6-1.00
เกียร์ 7-0.86
เกียร์ 8-0.72
เกียร์ 9-0.60
เกียร์ถอยหลัง (R) 4.80

การทดสอบรถซาลูนบ้าพลังคันนี้ เริ่มจากกำลัง 435 แรงม้า กับแรงบิด 520 นิวตัน-เมตร (แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบ EQ Boost 250 นิวตัน-เมตร) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออย่างแหล่ม 4MATIC+ ระบบควบคุมการกระจายแรงบิด ช่วงล่าง Adaptive Air Suspension ที่ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ผลที่ได้รับก็คือ CLS 53 AMG เร็วพอที่จะไล่จี้ BMW M4 แบบสบายๆ เมื่อกดคันเร่งลงลึกในโหมด Comfort ความรู้สึกย้อนแย้งก็เริ่มเกิดขึ้นเมื่อคุณใช้โหมดธรรมดาสามัญในการขับเคลื่อนรถสปอร์ตสองบุคลิกคันนี้ แต่ดันทะลึ่งขับเร็ว เซนเซอร์ที่ตรวจจับการทำงานของคันเร่งไฟฟ้าพยายามสื่อสารกับ ECU ว่า ควรจะเปิดทุกสิ่งทุกอย่างตามที่คนขับต้องการ หลังจากนั้นแค่แวบเดียว เสียงเครื่องยนต์ที่เคยดังเบาๆ แบบสุภาพก็เปลี่ยนไปทันที CLS 53 AMG แตกต่างจาก CLS300d ราวฟ้ากับเหวในด้านของสมรรถนะ การเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ว่องไวกว่าพร้อมระบบ 4MATIC+ ที่มีประสิทธิภาพในด้านความเสถียร เปลี่ยนคาแรกเตอร์ของเจ้า CLS จากผู้บริหารระดับสูงที่ชอบทำตัวเงียบขรึมมาเป็นวัยรุ่นที่ชอบความท้าทายในด้านการประลองความเร็ว เป็นงานทางวิศวกรรมยานยนต์ที่คิดใหม่ทำใหม่ทั้งหมดโดยใช้เวลาในการพัฒนานาน 4 ปี 

อัตราเร่งอันเกรี้ยวกราดของ CLS 53 AMG เหมือนกับพี่น้อง AMG ทุกคันของมัน นั่นก็คือความเป็นรถที่พิเศษกว่ารุ่นมาตรฐานในด้านพละกำลังและของแต่ง คุณไม่จำเป็นจะต้องใส่ชุดแข่งเพื่อลงไปนั่งขับใน CLS แค่กำพวงมาลัยให้ดี ไม่หลวมหรือแน่นจนเกินไป เกร็งต้นคอบ้างเพื่อต้านกับแรง G ในโค้ง จากนั้นก็ปล่อยให้ระบบต่างๆ ประสานงานกับขุมกำลังของเครื่องยนต์ อัตราเร่ง 0-100 ใน 4.5 วินาที บ่งบอกว่านี่คือรถซาลูน 4 ประตูสายแรงที่มีน้ำหนักเกือบ 2 ตัน แต่เร่งความเร็วได้สูสีหรือดีกว่ารถสปอร์ตคันเล็กอย่าง Porsche Cayman ขณะที่คุณกำลังตื่นตะลึงกับความเร็วที่มันมอบให้และชื่นชมว่า Mercedes-AMG สามารถทำรถแรงๆ ออกมาได้ดีเกือบทุกรุ่น แต่เบื้องหลังของทุกสิ่งใน CLS ที่คุณกำลังสัมผัสอยู่นี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น เพราะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC+ กำลังทำงานอย่างหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อขับเร็วขึ้นในโค้ง ใครก็ตามที่ขับรถเป็นจะรู้สึกได้ถึงแรงยึดเกาะมหาศาลที่ส่งตรงจากยาง ขึ้นไปที่โช้คอัพและสปริง แล้วถ่ายเทมายังแชสซีผ่านชุดบังคับเลี้ยวจนมาถึงข้อมือของคนขับ CLS 53 AMG พุ่งทะยานอย่างหนึบแน่น ปราศจากอาการแกว่งหรือส่ายไปมา ส่วนท้ายที่มั่นคงของมันยึดเกาะกับถนนได้ดีเท่ากับส่วนหน้า ให้ความรู้สึกมั่นใจในการทำความเร็ว เมื่อเลี้ยวในโค้งมุมแคบด้วยความเร็วที่เกินนิดๆ คุณจะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของตัวรถที่หนักเอาเรื่อง ขณะที่ผมพยายามจะขับมันให้เกินขอบเขตข้อจำกัด และเมื่อกระชากออกตัวด้วยความเร็ว หน้ารถจะเบาขึ้นเล็กน้อยแต่พวงมาลัยยังคงมีน้ำหนักที่หน่วงมืออย่างชัดเจน การปรับหน่วงของชุดบังคับเลี้ยวขึ้นตรงกับสปีดความเร็ว มันจะมอบน้ำหนักพวงมาลัยที่พอดิบพอดีกับความเร็วที่ใช้ในขณะนั้น ทำให้ CLS 53 AMG เป็นซาลูนไซส์กลางตัวยาวที่ควบคุมได้ง่ายแทบจะไม่แตกต่างไปจาก BMW 540i xDrive รถคู่แข่งที่มีเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเหมือนกัน แต่มีกำลังน้อยกว่าเจ้าตราดาวสายโหดรุ่นนี้พอสมควร    

แรงบิด 520 นิวตัน-เมตร ถ่ายเทจากเครื่องลงไปยังเกียร์ 9G Tronic เชื่อมต่อกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ชุดทอร์คคอนเวอร์เตอร์น้ำหนักเบาเชื่อมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 21 แรงม้า กับแรงบิด 250 นิวตัน-เมตร ชุด transfer case ที่ถ่ายแรงบิดไปยังล้อหน้า-หลัง มีจุดเชื่อมต่อกับตัวเกียร์ที่มีการออกแบบให้แข็งแรงมากกว่าเดิม เทอร์โบแบบใหม่ หมุนเร็วขึ้นในรอบต่ำแค่ 1800 รอบต่อนาที ในช่วงออกตัว ท่อไอดีถูกออกแบบให้รับอากาศได้ดีขึ้นรวมถึงอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดกะทัดรัดที่มีประสิทธิภาพในการลดอุณหภูมิของไอดีได้ดีกว่าเดิม เบรกหน้าแบบ 4 พอต คาร์ลิปเปอร์ AMG พ่นสีเงิน โช้คอัพแบบถุงลมปรับระดับได้ ครีบรีดอากาศสร้างแรงกดส่วนท้ายในย่านความเร็วสูงติดอยู่กับฝากระโปรงหลัง ทุกสิ่งทุกอย่างทำงานได้ดีโดยยังไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ขณะขับทดสอบทางไกลนาน 10 วัน 

AMG Performance 4MATIC+ all-wheel drive พร้อมชุดกระจายแรงบิด fully variable torque distribution รับหน้าที่จัดสรรแรงบิดไปยังล้อต่างๆ ผ่านเซนเซอร์ที่คอยตรวจจับลักษณะของการขับ แรง G การเร่งหรือเลี้ยว องศาของพวงมาลัยและสปีดความเร็ว ส่วนตัวเลขสมรรถนะของ CLS 53 AMG เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.5 วินาที เป็นอัตราเร่งที่อยู่ในกลุ่มเดียวรถสปอร์ตกำลัง 400 แรงม้า ส่วนความเร็วสูงสุดถูกจำกัดเอาไว้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทั้งในและนอกเมืองเคลมมาที่ 8.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ขับจริงๆ ในเมืองกินเชื้อเพลิงประมาณ 9.7 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนนอกเมือง ถ้าขับเรื่อยๆ ไม่กดคันเร่งลงลึกบ่อยครั้ง อยู่ที่ 12.4 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 200 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร การออกแบบภายนอกและภายในที่เน้นบรรยากาศของรถสปอร์ตกับไดนามิกของการควบคุมบนแนวทางการปรุงแต่งจากสำนัก AMG จุดเด่นของเครื่องยนต์เบนซินแบบใหม่ขนาด 3.0 ลิตร คือ ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์และคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้า EQ Boost Assist บอกเลยว่าแรงและขับสนุกมาก

EQ Boost starter-alternator
เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ EQ Boost เป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบไฟ 48 โวลต์ ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับรวมถึงการผสมผสานแรงบิดด้วยการทำงานของระบบไฮบริด ฟังก์ชันไฮบริดเพิ่มกำลัง 16 กิโลวัตต์พร้อมแรงบิด 250 นิวตัน-เมตร EQ Boost starter-alternator ทำให้แบตเตอรี่รุ่นเก่าที่มีกำลังไฟแค่ 12V กลายเป็นของโบราณ ช่วยทำให้เครื่องยนต์หกสูบรุ่นใหม่มีขนาดที่เล็กลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์หกสูบรุ่นเก่า ระบบบำบัดก๊าซไอเสียติดตั้งอยู่ใกล้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวกรองอนุภาคแบบใหม่ที่ทำให้ค่าการปล่อย CO2 ลดลง

วิศวกรของ Mercedes-Benz ลงมือลงแรงแก้ปัญหาเดิมๆ ของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลที่ชอบทำตัวสกปรกโสโครกจนได้เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 6 สูบเรียงที่สะอาดขึ้นมากแถมยังปล่อยมลพิษต่ำกว่าเกณฑ์รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็ดีขึ้นผิดหูผิดตา วิธีการดังกล่าวอาศัยการผสมผสานกันของหลายระบบที่มีอยู่แล้วโดยปรับให้ดีขึ้นไปอีกระดับ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเรคอินเจคชั่น หัวฉีดแรงดันสูง 2,500 บาร์ ร่วมกับระบบวาล์วแปรผันที่สามารถสั่งให้หัวฉีดทำการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงได้หลายๆ ครั้งต่อการทำงานของเครื่องยนต์ในแต่ละรอบ โดยมีความแม่นยำสูงสุดจากการคำนวณของคอมพิวเตอร์ที่โปรแกรมการทำงานใหม่หมด พร้อมๆ กับการฉีดเชื้อเพลิงอีกนิดหลังจากการเผาไหม้ เพื่อเร่งให้ตัวกรองอนุภาคไอเสียถึงระดับของอุณหภูมิที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการนี้มีความสำคัญต่อการลดมลพิษเนื่องจากตัวกรองอนุภาคไอเสียจะเริ่มแปรสภาพ NOx ได้ดีที่สุดเมื่ออุณหภูมิมีความเหมาะสม!

ขั้นตอนต่อมาก็คือระบบไฮบริด 48V บนพื้นฐานของมอเตอร์สตาร์ตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแทนการต่อเชื่อมกับสายพานหน้าเครื่องยนต์ ระบบไฮบริดขนาดจิ๋วที่ประจำการในเครื่องยนต์เบนซินสูบเรียงแบบ 6 กระบอกสูบ ใน CLS450 และ CLS53 AMG มอเตอร์ไฟฟ้าไม่เพียงแค่นำพลังงานจากการเบรกมาแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จกลับไปยังแบตฯ ลิเทียมขนาด 48V เท่านั้น มันยังช่วยเพิ่มแรงบิดสำหรับการเร่งความเร็วในช่วงสั้นๆ เป็นการลดมลพิษจำนวนมาก จากเครื่องยนต์ที่จะพุ่งออกมาอย่างท่วมท้นทันทีที่ผู้ขับกดคันเร่งจนสุดเพื่อเร่งความเร็ว ระบบไฟ 48V ช่วยลดก๊าซพิษต่างๆ ในขณะเดียวกัน ค่า CO2 และตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองก็ยังลดลงตามไปอีกด้วย

การใช้เครื่องกรองอนุภาคไอเสียแบบเร่งอุณหภูมิด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะทำหน้าที่ไปเร่งระบบกรองไอเสียให้ถึงอุณหภูมิการทำงานอย่างรวดเร็วในระหว่าง 250-400 องศาเซลเซียส ได้ภายในเวลา 30-40 วินาที ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิภายนอก ทำให้การแปรสภาพ NOx ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อุปกรณ์ดังกล่าว ช่วยควบคุมอุณหภูมิของตัวกรองอนุภาคไอเสียให้คงที่ไม่ร้อนจัดมากจนเกินไป แม้สภาพการจราจรจะคับคั่งติดขัด ปกติมักจะทำให้อุณหภูมิของตัวกรองอนุภาคเย็นลง ในขณะที่กำลังแรงบิดส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์เบนซิน 6 กระบอกสูบใน CLS53 AMG ได้มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่รับกระแสไฟมาจากแบตฯลิเทียมไอออน จึงไม่มีการสูญเสียหรือดึงพลังงานโดยไม่จำเป็นเหมือนระบบไฟ 12V แบบเก่า ไม่มีผลต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง มอเตอร์ไฟฟ้าของระบบไฮบริดจิ๋วขนาด 48V ที่ฝังในชุดเกียร์จะปลดปล่อยแรงบิด 250 นิวตันเมตร ประสานกับแรงบิดจากเครื่องยนต์ 520 นิวตันเมตร เร่งแซงแต่ละครั้งดึงหนักกระจายวายป่วงกันเลยทีเดียว ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลใน CLS 300d สาร AbBlue จะถูกฉีดเข้าไปในเครื่องกรองอนุภาคไอเสียที่ร้อนได้ที่แล้ว การออกแบบตำแหน่งที่ตั้งของมันทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องมีตัวมิกเซอร์ที่ติดตั้งแยกต่างหากให้รกรุงรัง เครื่องกรองอนุภาคไอเสียแบบเร่งอุณหภูมิได้นี้ช่วยลด NOx ลงจนแทบจะมีค่ามลพิษเท่ากันหรือเหนือกว่าเครื่องยนต์เบนซินที่มีความจุเท่ากันอีกด้วย!

New CLS 53 AMG Coupé ติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบใหม่ซึ่งเป็นออปชั่นเสริม พร้อมฟังก์ชันเพิ่มเติมแบบใหม่ล่าสุด ชุดโปรแกรมช่วยขับขี่ใน CLS ใหม่ มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือในการขับขี่รุ่นล่าสุดพร้อมด้วยระบบปฏิบัติการสนับสนุนเส้นทางสำหรับคนขับ การควบคุมระยะห่างของระบบ DISTRONIC รวมถึงพวงมาลัยแบบ Active Steering Assist ระบบใหม่นี้ทำให้การขับมีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น เพื่อทิ้งระยะห่างที่ปลอดภัย ความเร็วจะถูกปรับโดยอัตโนมัติเพื่อทำให้มีความเหมาะสมและปลอดภัยก่อนเข้าโค้งหรือขับเข้าสู่ทางแยกหรือวงเวียน

Pilot Sport 4S ยางสปอร์ตประสิทธิภาพสูง เป็นยางติดรถทดสอบ Mercedes-Benz New CLS 53 AMG ยางหน้า 245/35ZR20 99Y ส่วนยางหลังจัดอย่างโหด 275/30ZR20 102Y เมื่อยางเริ่มเข้าสู่ขอบเขตข้อจำกัดของมันจากการกระหน่ำทั้งความเร็วและการใช้เบรกอย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าซาลูนหรูคันนี้ก็ยังคงวิ่งอยู่บนแนวระนาบได้อย่างน่าชื่นชม การขับด้วยความเร็วสูงในโค้งต้องใช้ประสิทธิภาพการทำงานของหลายๆ สิ่งร่วมกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ยางสปอร์ตแก้มแข็งโป๊ก ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ที่ถูกปรุงแต่งให้เพิ่มความเสถียรของรถ ระบบควบคุมการทรงตัว รวมไปถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ที่พ่วงคำว่า Plus ต่อท้าย ซอฟต์แวร์ที่ควบคุมการทำงานหรือตัดการทำงานของแรงบิดในล้อแต่ละข้าง ทำให้ New CLS53 AMG 4MATIC + ซึ่งเป็นรถคันโตที่สามารถขับได้อย่างเชื่องมือเชื่องเท้าคันหนึ่ง

นี่คือซาลูน 4 ประตูที่พยายามทำตัวให้เป็นรถสปอร์ตสองบุคลิก ในวันปกติ การขับ CLS 53 AMG ไปทำงานด้วยความเร็วต่ำคือความสบายหลังพวงมาลัยอย่างแท้จริง และในวันหยุดสุดสัปดาห์ เมื่อคุณโลดแล่นออกทางไกลไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด การขับเร็วจี๋ใน AMG ช่วงฐานล้อยาวรุ่นนี้มีความดิบโหดโผล่ออกมาให้สัมผัสกันอย่างจุใจ มันอาจไม่แรงเท่ากับ CLS 63 AMG แต่มีดีที่ควบคุมง่าย ย่านของกำลังอยู่ในเกณฑ์พอดิบพอดีไม่ได้แรงมุทะลุดุดันจนเอาไม่อยู่ คาแรกเตอร์ของมันก็คือ การทำตัวเป็นผู้ชายมาดเนี้ยบใส่สูทผูกไทพูดจานิ่มๆ ติ๋มๆ พอโดนผู้หญิงจับแก้ผ้า ข้างในกลับใส่ชุดไตรกีฬารัดปลิ้นแบบพร้อมที่จะแข่งกับใครหน้าไหนก็ได้ทั้งนั้น! พวงมาลัยในแต่ละโหมดก็ทำหน้าที่ได้ดี ด้วยอัตราทดที่ค่อนข้างคงที่ หนักแน่นและเที่ยงตรงแม่นยำ วิ่งทางตรงๆ ไม่ต้องมาคอยนั่งประคับประคองทิศทางกันให้มากเรื่อง โหมด Sport + ให้ความรู้สึกของชุดบังคับเลี้ยวที่ตอบสนองอย่างไว เป็นความจริงที่ไม่เกินเลยหากจะพูดว่า New CLS53 AMG 4MATIC + เหมาะกับผู้บริหารสูงวัยที่ชอบขับเร็ว คุณจะรู้สึกดีเมื่อกระทืบลงไปบนคันเร่งของมันพร้อมๆ กับการตอบสนองที่สอดรับกับความต้องการของคุณ บนความสบายที่หาได้ของ CLS ในสไตล์ AMG หากคุณมีความพร้อมที่จะจ่ายแพงกว่ารุ่นอื่น ถ้าเงินถึงก็ซื้อรุ่นนี้ไปเลยดีที่สุด!
อุปกรณ์ภายนอก
ล้ออัลลอย AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20 นิ้ว ตกแต่งด้วยสีดำ
ยางคู่หน้า 245/35 R20 – ยางคู่หลัง 275/30 R20
ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED
ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ALS
ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง Cornering Light
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist
ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED
ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยี Fibre-Optic
กระจกมองข้าง ปรับและพับ ด้วยไฟฟ้า
กระจกมองข้าง ฝั่งผู้โดยสาร ปรับมุมเอนลงอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
กระจกมองข้าง ฝั่งคนขับ ปรับลดแสงแบบอัตโนมัติ
กุญแจรีโมทคอนโทรล ควบคุมด้วยคลื่นวิทยุ
กุญแจรีโมทคอนโทรล สั่งการทำงานเปิด-ปิดของเซ็นทรัลล็อก และฝากระโปรงท้าย
ระบบกุญแจ KEYLESS-GO
ระบบเปิด-ปิดฝาท้าย ด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบเปิด-ปิดฝาท้าย โดยไม่ต้องใช้มือ Hands-Free Access
หลังคา Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบส่งกำลัง AMG Performance 4MATIC+
ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Air Suspension
ระบบควบคุม AMG Ride Control+
AMG Body Styling กันชนหน้า – กันชนหลัง และสเกิร์ตข้าง
ปลายท่อไอเสียคู่แบบ 2 Round twin tailpipe look
ท่อไอเสียแบบ AMG Sport Exhaust System
สัญลักษณ์ AMG บนคาลิปเปอร์เบรก
สปอยเลอร์ด้านหลังบนฝากระโปรงท้าย แบบ AMG Spoiler Lip
แผ่นรองกันกระแทกใต้ห้องเครื่อง
อุปกรณ์ภายใน 
ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแบบ AMG Nappa Leather ตัดสลับ Dinamica Microfibre
เข็มขัดนิรภัยสีแดง
เบาะนั่งคู่หน้า ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า
เบาะนั่งคู่หน้า พร้อมระบบบันทึกความจำตำแหน่ง Memory Seat
ระบบอุ่นเบาะนั่งคู่หน้า
เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 40 : 20 : 40
ด้านบนของแดชบอร์ดหน้า และแผงประตูหุ้มด้วยหนัง
พวงมาลัยแบบ AMG Performance Steering Wheel
พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง Nappa ตกแต่งด้วย AMG Carbon-fibre
พวงมาลัยนิรภัย พร้อมเพาเวอร์ปรับระดับด้วยไฟฟ้า แบบปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ
ม่านบังแดดกระจกบังลมหลัง เลื่อนขึ้น-ลง ด้วยระบบไฟฟ้า
นาฬิกาแบบอนาล็อก
ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2-zones
ฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร AIR Balance Package
หน้าจอแสดงข้อมูลแบบ Digital Wildscreen Cockpit
ระบบ Audio 20 GPS พร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว
ระบบนำทาง Navigation System
ระบบ Apple CarPlay / Android Auto
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charging
ระบบควบคุม และสั่งงานด้วย Touchpad
ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester Surround Sound System
ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร Ambient Light 64 สี
กาบบันไดสเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ AMG แบบเรืองแสง
ชุดคันเร่ง และแป้นเบรก แบบสปอร์ต
ระบบความปลอดภัย
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS / EBD / BA
ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชั่น Hold
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill-Start Assist
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน Adaptive Brake Light
ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า Active Distance Assist DISTRONIC
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
ระบบจำกัดความเร็ว Speedtronic
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ ASSYST service
ระบบช่วยเบรก Active Brake Assist
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR
ระบบเตือนแรงดันลมยาง tyre pressure loss warning system
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Attention Assist
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Parking Pilot including Active Parking Assist
เซนเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด Parktronic
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assist Package
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Assist
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
ม่านถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง
ถุงลมนิรภัยหัวเข่าคนขับ.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0