เมื่อวันที่ (18 ก.ย. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นี่คือความผิดปกติในขั้นตอนการส่งน้ำมันไปต่างประเทศที่ศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงตรวจสอบพบพิรุธจนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาเมื่อปี 2556 หลังมีรายงานว่ามีบริษัทผู้ค้าน้ำมันแห่งหนึ่ง ติดต่อขอซื้อน้ำมัน 4 หมื่นลิตร จากโรงกลั่นมาตรา 7 ที่ได้รับการยกเว้นเสียภาษีตามกฎหมาย โดยอ้างว่าจะขนส่งไปที่ชายแดนแม่สอด จ.ตาก เพื่อส่งต่อให้กับบริษัทเวียงมิง ประเทศเมียนมาร์ แต่สุดท้ายกลับนำน้ำมัน 3 หมื่น 2 พันลิตร ขายให้ปั๊มแห่งหนึ่งที่ จ.พิษณุโลก และส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านเพียง 8 พันลิตร โดยมีเจ้าหน้าที่สรรพสามิตและศุลกากรออกใบบันทึกการตรวจร่วม และ ใบขนส่งสินค้าให้ว่าน้ำมันถูกส่งออกครบถ้วน
พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผยว่า การตรวจสอบครั้งนี้พบว่า บริษัทผู้ค้าน้ำมันแห่งนี้ลักลอบขายน้ำมันไม่เสียภาษีด้วยวิธีการลักษณะนี้กว่า 30 ครั้ง แต่ ปปป. ตรวจสอบพบหลักฐานชัดเจน 10 ครั้ง ขณะนี้ได้ดำเนินคดีกับบริษัท และ บุคคลที่เกี่ยวข้อง ฐานร่วมกันลักลอบขายสินค้าไม่เสียภาษีไปแล้ว และเตรียมเอาผิดเจ้าหน้าที่สรรสามิตและศุลกากรทั้งหมด 6 คน ฐานทำเอกสารอันเป็นเท็จกับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ สร้างความเสียหายให้รัฐบาลกว่า 3 ล้านบาท
สำหรับโรงกลั่นน้ำมันมาตรา 7 รัฐบาลจะให้สิทธิ์ยกเว้นภาษีต้นทางกับน้ำมันที่ส่งออกต่างประเทศ แต่ถ้าขายให้กับลูกค้าในประเทศจะต้องเสียภาษีสรรสามิต 7 เปอร์เซ็นต์ และ ภาษีมหาดไทย 1 เปอร์เซ็นต์จากราคาภาษีสรรสามิต ซึ่งในกรณีนี้ถือว่ามีความผิดฐานเลี่ยงภาษี หลังจากนี้ ปปป. เตรียมเปิดยุทธการ “ปราบโกงภาษีน้ำมัน” 6 จุดทั่วประเทศ ในวันที่ 29 กันยายน โดยเฉพาะตามแนวชายแดนต่างๆที่มีข้อมูลว่า กระทำการลักษณะนี้กันมานาน
