ปตท.เผยพร้อมรับความท้าทายธุรกิจพลังงาน ภายหลังแนวโน้มความต้องการพลังงานลดลง รูปแบบพลังงานเปลี่ยนไป การนำเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้น เห็นได้จาก รถ EV มีเพิ่มขึ้น ประเทศไทยมีกว่า 1,000 คัน
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน ) กล่าวระหว่างงานสัมมนา Thailand 2019 ว่า อนาคตแนวโน้มด้านพลังงานน้ำมันมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านผู้ผลิตและผู้ใช้ ขณะที่ประเทศไทยก็มีการปรับตัวด้านการใช้พลังงานเช่นกัน และเริ่มใช้พลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายของบริษัทต้องปรับตัวรองรับในสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น ที่ไปพร้อมกับความต้องการพลังงานรูปแบบใหม่ การลงทุนของภาครัฐ ภาคเอกชน ดังนั้น จะเห็นได้ว่าบริษัทมีการลงทุนสำรวจพลังงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ก้าวทันการแข่งขันที่เปลี่ยนไป
“จะเห็นว่ากลุ่มประเทศโอเปกจากอดีตที่ผลิตพลังงานออกมาประมาณ 70% ของความต้องการใช้พลังงาน แต่ปัจจุบันลดลงอยู่ที่ 40% เป็นเพราะมีหลายประเทศมีการผลิตพลังงานออกมามากขึ้น เช่น รัสเซีย แอฟริกาใต้ นอร์เวย์ และมีผลจากความต้องการใข้พลังงานน้ำมันเริ่มลด ใข้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น จากแนวโน้มการนำรถ EV เข้ามาใช้มี เช่นไทยมีประมาณ 1,000 คัน แม้จะปริมาณไม่มาก แต่อนาคตจะเติบโตมากขึ้น”
โดยปัจจุบันจะเห็นว่าบริษัทมีการลงทุนกลุ่มธุรกิจใหม่ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากปัจจุบันบริษัทลงทุนนำระบบ AI เข้ามาพัฒนาดูแลเรื่องของโรงแยกก๊าซซึ่งเป้าหมายจะขยายให้ได้ทั้งหมด 6 โรง การนำเทคโนโลยี ช่วยในการขุดเจาะ การสร้าง New S-Curve ที่ร่วมมือกับทุกหน่วยงานไม่ว่าภาครัฐ ภาคเอกชน การเชื่อมโยงด้านขนส่งทางท่อ เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นการลงทุนตั้งแต่ต้นน้ำ ขณะที่กลางน้ำ ปลายน้ำบริษัทก็ยังต้องมุ่งพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการให้กับผู้บริโภคต่อไป แต่ทั้งนี้ ก็อยู่ภายใต้หลักคือมุ่งเน้นสร้างความมั่นคงและยั่งยืน ด้านพลังงานของประเทศ
อย่างไรก็ดี บริษัทก็ยังให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมที่ยังคงมีหลายโครงการที่ยังคงสนับสนุนสร้างป่า ธรรมชาติให้กับชุมชน ซึ่งบริษัทได้ร่วมกับหลายหน่วยงาน เพราะบริษัทยังให้ความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย