นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเรียกร้องรัฐบาลแก้ปัญหาราคายางพารา และราปาล์มตกต่ำ โดยพรรคมีข้อเรียกร้องเร่งด่วน 3 ข้อ คือ
1.การใช้ยางพาราในประเทศ โดยเฉพาะในภาครัฐ ที่ไม่สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติได้ มีเพียงท้องถิ่นบางแห่งที่เดินหน้าได้จริงจัง ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเปิดเผยว่าจากที่เคยประกาศจะใช้ยางพาราแสนตันนั้น ใช้ไปแล้วกี่ตัน มีปัญหาติดขัดในส่วนใด
2.ชาวสวนยางต้องมีรายได้เสริม เช่น การปลูกพืชอื่นในสวนยาง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสนับสนุนการปลูกพืชเสริมและประสานเรื่องตลาด ไม่ให้พืชที่ปลูกเสริมมีปัญหาเรื่องราคาซ้ำอีก
3.การใช้ยางพาราโดยภาคเอกชนยังมีศักยภาพนำไปแปรรูปในชุมชน เช่น ผลิตหมอนยางพารา รองเท้า เพราะมีตลาดทั้งในและต่างประเทศรองรับ แต่ปัญหาอยู่ที่การจัดตั้งโรงงานระดับชุมชนมีปัญหาเรื่องผังเมือง ถ้าเร่งรัดอนุญาตก็จะทำให้ยางพาราแปรรูปได้ต่อไป
ส่วนปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ ปัญหาหลัก คือ สต๊อกที่ล้นอยู่ 3 แสนตัน จึงเสนอให้นำปาล์มไปใช้ผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่ โดยใช้เวลาครึ่งปี จะสามารถขจัดสต๊อกที่ล้นได้ ซึ่งจะทำให้ราคาขยับขึ้นทันที โดยใช้งบ 3 พันล้านบาท ที่ผ่านมารัฐบาลนำไปใช้โรงไฟฟ้าบางปะกงและราชบุรี ทำให้สูญเสียค่าขนส่งโดยเปล่าประโยชน์ 1 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม และศักยภาพผลิตไม่เท่าโรงไฟฟ้ากระบี่
จากนั้น อดีตส.ส.ภาคใต้ นำโดย นายสุกิจ อัตโถปกรณ์ อดีตส.ส.ตรัง นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีตส.ส.พัทลุง ยื่นหนังสือผ่านเจ้าหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอมาตรการแก้ปัญหาราคายางพาราและราคาปาล์มตกต่ำ