ประชาชนจำนวนมาก เดินทางมาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ พล.อ.เปรม โดยเฉพาะชาวภาคใต้ เพื่อไว้อาลัยรัฐบุรุษ ที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีเป็นครั้งสุดท้าย…
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนแห่โกศกุดั่นน้อยพร้อมเครื่องเกียรติยศประกอบศพ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมประกอบศพ ในงานบำเพ็ญพระราชกุศลในการออกเมรุและพระราชทานเพลิงศพ เคลื่อนออกจากวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ไปยังเมรุวัดเทพศิรินทราวาส เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. รวมระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร โดยภายในขบวนประกอบด้วยรถเครื่องเกียรติยศ พล.อ. เปรม ทหารม้า รถเชิญโกศศพ และปิดท้ายด้วยขบวนเครื่อญาติ พล.อ.เปรม
โดยระหว่างวันที่ 7-9 ธันวาคมนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้บำเพ็ญพระราชกุศลในการออกเมรุและพระราชทานเพลิงศพ และวันนี้ เวลาประมาณ 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปยังวัดเทพศิรินทราวาส เพื่อพระราชทานเพลิงศพ พล.อ.เปรม
ขณะที่บรรยากาศภายในวัดเทพศิรินทราวาส ก็มีประชาชนจำนวนมาก เดินทางไปร่วมงานในครั้งโดยเฉพาะพี่น้องชาวภาคใต้ นางจีราณัทย์ แซ่หลี เดินทางมาด้วยเครื่องบินจากจังหวัดยะลา เพียงคนเดียว มาเพราะรักเเละเคารพ พล.อ.เปรม เป็นอย่างมาก เพราะท่านเป็นบุคคลที่สร้างคุณูปการให้กับประเทศ
เช่นเดียวกับชาวบ้านในพื้นที่ อำเภอสทิงพระ และ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ที่เดินทางมาด้วยรถรถทัวร์ จำนวน 53 คน ขณะนี้ บอกว่า รักเเละเคารพ พล.อ.เปรม พร้อมทั้งดีใจที่ท่านถือว่าเป็นตัวเเทนคนสงขลาที่ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง และเมื่อเวลานึกถึงท่านก็จะนึกถึงคุณงามความดี ความรัก ความซื่อสัตย์ ที่มีต่อชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อาสัญจกรรม เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ด้วยอายุ 98 ซึ่งเหลืออีกเพียงแค่ไม่ถึง3 เดือน ท่านก็จะอายุครบ 99 ปี ที่ผ่านมาท่านเคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่งที่สำคัญๆ ทั้งทางด้านการทหาร และการบริหารราชการแผ่นดิน ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 3 สมัย โดยตำแหน่งที่ได้รับในช่วงวาระของชีวิต คือประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
ส่วนคำว่า“ป๋า” ได้มาเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า เมื่อปี 2511 ขณะนั้นมียศเป็น พลตรี เพราะท่านมักเรียกแทนตัวเองต่อผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าว่า“ป๋า” และเรียกผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าอย่างเอ็นดูและเป็นกันเองว่า“ลูก” จนเป็นที่มาของ “ป๋าเปรม” และคนสนิทมักถูกเรียกว่า “ลูกป๋า” และเรียกติดปากกันมาจนถึงปัจจุบัน
ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งต่างๆได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ และเป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงนับเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การเคารพ ยกย่อง สรรเสริญ และเป็นแบบอย่างให้แก่อนุชนรุ่นหลังได้ยึดถือและดำเนินรอยตาม.
