โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

บ๊อซ ทุ่มงบกว่า 4 พันล้านยูโร ลุยธุรกิจขับเคลื่อนไฟฟ้า

Manager Online

อัพเดต 18 ก.พ. 2562 เวลา 02.37 น. • เผยแพร่ 18 ก.พ. 2562 เวลา 02.37 น. • MGR Online

ชตุ๊ทการ์ต, เยอรมนี – บ๊อซ เดินหน้าสานความสำเร็จธุรกิจ แม้เศรษฐกิจซบเซา หากสร้างยอดขายได้ถึง 7.79 หมื่นล้านยูโร ในปี’61 เติบโต 4.3% หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.1 พันล้านยูโร

ดร. โวคมาร์ เดนเนอร์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทบ๊อช กล่าวว่า “บ๊อซต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับตลาดทั้งด้านธุรกิจและเทคโนโลยี ซึ่งความมุ่งมั่นด้านเทคโนโลยีแห่งการเชื่อมต่อเริ่มแสดงผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ โดยในปีที่ผ่านมา บ๊อซ ขายผลิตภัณฑ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต มูลค่ารวม 52 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อนหน้า และทำกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี อยู่ที่ 5.3 พันล้านยูโร ส่งผลให้อัตราการเติบโตส่วนกำไรดังกล่าว อยู่ที่ 6.9%

ศาสตราจารย์สเตฟาน อเซนเคียชเบาเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บ๊อช กล่าวว่า “บ๊อชตั้งเป้าพัฒนาธุรกิจให้โตกว่าสภาวะตลาดและรักษาระดับรายได้ให้สูง แม้ต้องเผชิญสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยกำลังวางแผนพัฒนาทุกหน่วยธุรกิจให้มีประสิทธิภาพในการแข่งขันมากขึ้น เพื่อสร้างเงินทุนมาส่งเสริมความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นอนาคตของบริษัทฯ”

บ๊อซ เตรียมทุ่มงบกว่า 4 พันล้านยูโร ด้านเทคโนโลยีอัตโนมัติ (Automation)

ฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บ๊อซ ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาการขับขี่อัตโนมัติ (automated driving) เน้นสองแนวทางหลัก เพื่อสร้างอนาคตแห่งการขับขี่ที่ไร้อุบัติเหตุ (accident-free mobility) แนวทางแรก คือ การพัฒนาระบบช่วยเหลือคนขับ (driver assistance systems) เพื่อให้เกิดการขับขี่อัตโนมัติบางส่วนในยานพาหนะส่วนบุคคล (เทคโนโลยีอัตโนมัติ ระดับ 2 และ 3) โดยตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 2 พันล้านยูโร

แนวทางที่สอง คือ การพัฒนาธุรกิจเน้นสร้างการขับขี่ไร้คนขับ (driverless driving) ให้เกิดขึ้นจริง ภายในต้นทศวรรษหน้า (เทคโนโลยีอัตโนมัติระดับ 4 และ 5) ซึ่งการขับขี่ไร้คนขับจะสร้างการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่แก่ยานพาหนะทุกคัน และเป็นประตูสู่โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ โดยบ๊อช เตรียมลงทุนกว่า 4 พันล้านยูโร ในปี 2565 เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว ขณะที่ปัจจุบัน มีวิศวกร ราว 4,000 พันคน ที่ทำงานเกี่ยวกับระบบขับขี่อัตโนมัติโดยเฉพาะ

การสร้างระบบนิเวศครอบคลุมบริการขนส่งเคลื่อนที่ (mobility services)

ในปี 2558-2573 คาดการณ์ว่า ยานพาหนะส่วนบุคคล (Personal mobility) แบบอัตโนมัติ จะเพิ่มขึ้น 50% ดังนั้น ใน 10 ปีข้างหน้า ตลาดฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวกับการขับขี่อัตโนมัติ จะมีมูลค่าสูงราว 6 หมื่นล้านยูโร และภายในปี 2568 รถโดยสารสาธารณะส่วนใหญ่จากจำนวนกว่า 2.5 ล้านคันทั่วโลกจะไร้คนขับ (ที่มา: โรแลนด์ เบอร์เกอร์)

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ภายในปี 2578 ยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับยานพาหนะที่ใช้ร่วมกัน (shared mobility) จะพุ่งสูงถึง 1.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ (ที่มา: BCG) ทั้งนี้ บ๊อซได้เตรียมพร้อมด้านเทคโนโลยีและการให้บริการสำหรับยานพาหนะเหล่านี้ โดยให้บริการระบบขนส่งเครื่องที่ผสมโซลูชั่นและการบริการต่างๆ ทั้งการจอง การชำระเงิน การชาร์จพลังงาน การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา และระบบอินโฟเทนเม้นต์ (infotainment) หนึ่งในการให้บริการเหล่านี้ คือ การชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบสะดวกง่ายดาย (Convenience charging) ซึ่งเป็นทั้งระบบนำทางที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และเป็นโซลูชั่นการชาร์จพลังงานไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า (electromobility) ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยลูกค้าประจำรายแรก คือ Sono Motors ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเยอรมัน

มุ่งครองตลาดรวมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า (Electrification)

ในปีที่ผ่านมา บ๊อซ ได้พัฒนาโครงการด้านระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า รวมมูลค่าหลายพันล้านยูโร โดยตั้งเป้าในปี 2568 จะเพิ่มยอดได้ถึง 10 เท่า เป็น 5 พันล้านยูโร และขึ้นเป็นผู้นำตลาดมวลรวมสำหรับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า เนื่องจากมีความชำนาญด้านระบบขับเคลื่อนทุกชนิด ตั้งแต่รถจักรยานยนต์จนถึงรถบรรทุก

ดร. เดนเนอร์ กล่าวว่า “ในอนาคต จะไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าคันไหนที่ไม่มีชิ้นส่วนของบ๊อช” คำกล่าวนี้เป็นจริงแล้ว โดยเฉพาะในจีน ซึ่งเป็นตลาดระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และบ๊อชเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ส่วนบุคคลอยู่ โดยร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับพันธมิตรในจี คือ NIO พัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติและระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ทั้งเริ่มผลิตโซลูชั่นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบคอมแพคต์ ชื่อ e-axle ในปี 2562 พร้อมผลิตแบตเตอรี่ ขนาด 48 โวลต์สำหรับตลาดมวลรวมอีกด้วย

คาดว่าในปี 2573 รถรุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตขึ้นมาทั่วโลกจะใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ขนาด 48 โวลต์ ในอัตราส่วน 20% นอกจากนี้ การควบรวมบริษัท EM-motive GmbH เข้ามา ยิ่งเสริมความแข็งแกร่ง บ๊อช ในตลาดระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วในตลาดทั่วโลกอีกด้วย

ขับเคลื่อนการขนส่งสินค้าด้วยระบบไฟฟ้า

สหพันธ์แรงงานขนส่งประหว่างประเทศ หรือ ITF คาดว่า ปริมาณการขนส่งสินค้าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ในปี 2573 ดังนั้น บ๊อซ จึงต้องการให้รถบรรทุกเป็นพาหนะที่เหมาะกับการขนส่งและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยคาดในปี 2573 หนึ่งในสี่ของรถเชิงพาณิชย์ทั่วโลก จะใช้ระบบบางส่วนที่เป็นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าของบ๊อซ ซึ่งการพัฒนาของบ๊อซจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการผลิตเทคโนโลยีเพื่อการขนส่งสินค้าที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งมีความพร้อมที่จะรองรับความต้องการ ทั้งตลาดระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าบางส่วน เต็มรูปแบบแบบใช้พลังงานแบตเตอรี่ หรือระบบเซลล์เชื้อเพลิง

บ๊อชปักธงจุดแข็งหลักด้านเทคโนโลยี AI

ดร. เดนเนอร์ เชื่อว่า ในอนาคต เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ จะนำไปใช้กับงานด้านต่างๆ ในอุตสาหกรรม โดยในกลางทศวรรษหน้า เราต้องการให้ทุกผลิตภัณฑ์ของเราใช้เอไอ หรือมีเอไอเข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการพัฒนาหรือผลิต ปัจจุบัน บริษัทอเมริกาและจีนได้เข้ามายึดตลาดเอไอที่ใช้ในสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ แล้ว

อย่างไรก็ดี หากไม่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการจราจรขนส่ง การผลิต หรือการก่อสร้างต่างๆ แล้ว ประสิทธิภาพการใช้เอไอ ก็อาจตามไม่ทันการใช้ในภาคอุตสาหกรรม”

ทั้งนี้ บ๊อซ ได้วางเป้าหมายเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ทำให้ต้องพัฒนาด้านเอไอให้ขึ้นแท่นระดับโลก โดยวางแผนเพิ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอ จาก 1,000 คน เป็น 4,000 คน ในปี 2564

พัฒนาเอไอในห้วงอวกาศและบนท้องถนนได้สำเร็จ

โครงการ SoundSee เป็นการใช้การเรียนรู้ของเครื่องจักรในการฟังว่า มีส่วนใดชำรุดเสียหาย โดยสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและช่วยเพิ่มผลิตภาพอีกด้วย ในกลางปีนี้ จะส่งโซลูชั่นดังกล่าวไปใช้ในสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) โดยเล็งเห็นศักยภาพเชิงพาณิชย์ว่า จะสามารถใช้ประยุกต์ได้ทั้งด้านการผลิต การก่อสร้างและวิศวกรรมยานยนต์

และอีกความก้าวหน้าในเอไอ คือ กล่องอเนกประสงค์สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ ที่สามารถประมวลภาพมาทำงานประกสานกับเอไอ ผลที่ได้ คือ กล้องอัจฉริยะสำหรับรถยนต์ ที่ทำงานได้หลายอย่าง ทั้งตรวจจับผู้คนที่สัญจรไปมา จดจำ และคาดเดาพฤติกรรมของผู้คนเหล่านั้นได้ในทันที

ปี 2561 ทุกกลุ่มธุรกิจเติบโต

ผลประกอบการในปี 2561 ธุรกิจโซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อน (Mobility Solutions) เติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์โลก โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 2.3% เป็น 4.7 หมื่นล้านยูโร หรือคิดเป็น 4.7% หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว ส่วนกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ทำยอดขายได้ 1.78 หมื่นล้านยูโร ลดลง 3.2% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ประกอบกับแรงกดดันด้านราคาในตลาดหลักๆ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของ BSH Hausgeräte GmbH และกลุ่มธุรกิจสินค้าเครื่องมือไฟฟ้า เมื่อปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 0.9%

ทางด้านกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มียอดเพิ่มขึ้นเป็น 7.4 พันล้านยูโร หรือเพิ่มขึ้น 8.9% ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดากลุ่มธุรกิจต่างๆ ซึ่งเมื่อปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว จะเติบโตถึง 11% โดยเฉพาะแผนกเทคโนโลยีขับขี่และควบคุมมีการเติบโตต่อเนื่องดี ในขณะที่บ๊อชมีแผนเตรียมจะขายธุรกิจเทคโนโลยีสำหรับบรรจุภัณฑ์ ด้านกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร มียอดขายอยู่ที่ 5.5 พันล้านยูโรเพิ่มขึ้น 2.3% หรือ 4.7% เมื่อปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว

ภาพรวมธุรกิจปี 2562 ตั้งเป้ารายได้ในระดับสูง

สำหรับปี 2562 บ๊อช คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตเพียง 2.3% ดร.อเซนเคียชเบาเมอร์ กล่าวว่า เราพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะด้านความเข้มข้นทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ ประเด็น Brexit ที่ยังคงไม่มีบทสรุป อีกทั้งปัญหาความขัดแย้งทางการค้ามากมาย นอกจากนี้ ยังมีนโยบายทางเศรษฐกิจที่แข็งกร้าวเกี่ยวกับการนำเข้า ด้วยการกำหนดอัตราภาษีสินค้านำเข้าที่สูงลิ่ว หรือการยกเลิกข้อตกลงการค้าเสรี สิ่งเหล่านี้ เป็นปัจจัยฉุดการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุน”

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า บ๊อชจะมีแผนการใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ หากก็หวังที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้มากกว่าภาพรวมของตลาดในปีนี้ เพื่อรักษาผลประกอบการของบริษัทฯ ให้อยู่ในระดับที่สูงให้ได้อีกครั้ง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0