โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

บ้านเบญจมาศ ร้านอาหารไทยสุดเก๋ที่เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนไปในสมัย ร.5

FWD

อัพเดต 26 ก.ค. 2562 เวลา 06.18 น. • เผยแพร่ 26 ก.ค. 2562 เวลา 06.17 น. • FWD Thailand

ช่วงนี้กระแสย้อนยุคกำลังมาแรง วันนี้กระผมเลยขอเปิดวาร์ป พาทุกคนนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 กันที่ “บ้านเบญจมาศ” ร้านอาหารไทยสุดเก๋ที่เพิ่งเปิดใหม่หมาดๆ ใจกลางซอยอารีย์ รับรองว่าถูกใจคนชอบอาหารไทย โดยเฉพาะสาวๆ ที่ดูละครหรืออ่านนิยายแล้วมโน…เอ๊ย! จินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกในเรื่องทวิภพแน่นอนเลยขอรับ!

ไม่ต้องเดินทะลุกระจกข้ามมิติแบบแม่มณี แค่นั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงสถานีอารีย์ เดินเข้าซอยอารีย์ 1 มาแป๊บเดียวก็ถึงที่ร้านบ้านเบญจมาศ ตัวร้านโดดเด่นด้วยอาคารสไตล์โคโลเนียลสีครีมนวลตา  ตัดกับซุ้มประตูโค้งกรุกระจกยาวจรดชั้นสองของอาคาร ซึ่งเก๋ไก๋สะดุดตาต่างจากตึกสมัยใหม่โดยรอบ ไม่ต้องกลัวว่าจะเดินหลงหรือหาร้านไม่เจอ

พอเปิดประตูเข้าไป ความประทับใจแรกคือพนักงานของร้านที่แต่งชุดไทยประยุกต์ นุ่งโจงกระเบนรอต้อนรับด้วยรอยยิ้มสยาม ท่ามกลางกลิ่นหอมอบอวลของเบเกอรี่ เพราะชั้นนี้เป็นโชว์รูมขนมหวานของทางร้าน มีทั้งเบเกอรี่แบบฝรั่ง รวมทั้งขนมไทยประยุกต์หน้าตาเก๋ไก๋ แถมชื่อยังแปลกหูให้เลือกซื้อกลับไปเพียบ

พอขึ้นบันไดไปชั้น 2 เป็นโซนร้านอาหาร ซึ่งการตกแต่งเข้ากับคอนเซ็ปต์ของร้านอย่าง “สยามเรอเนสซองส์” ที่หยิบยกกลิ่นอายความรุ่งเรืองของอาหารเมื่อ 100 ปีก่อนในยุครัชกาลที่ 5 สมัยที่สยามเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกอย่างแพร่หลาย จนกลายมาเป็นตำรับอาหารคาวหวานประจำบ้านเบญจมาศที่มีเอกลักษณ์ นับตั้งแต่ “ต้นเครื่อง” หรือเชฟประจำร้านที่มีดีกรีรางวัลเชฟระดับโอลิมปิก ไปจนถึงเมนูที่ไม่ได้ไทยจ๋า…แต่รับรองว่าหาทานที่ไหนไม่ได้ รวมถึงการดีไซน์ตกแต่งร้านสไตล์โคโลเนียล และเพลงบรรเลงแบบ Thai Orchestra ฟังสบายๆ ที่เปิดสร้างบรรยากาศไทยๆ ร่วมสมัยภายในร้าน

เริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง ข้าวปรุงน้ำพริกเจ้าจอม” เสิร์ฟพร้อมกับซุปลูกรอก ซุปโบราณที่ทำจากไส้กรอกไข่และแครอทแกะสลัก ความพิเศษของเมนูนี้คือความละเอียดประณีตในวิธีการทำ เริ่มจากข้าวปรุงคลุกเคล้ากับน้ำพริกลงเรือ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสูตรน้ำพริกลงเรือของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ในรัชกาลที่ 5 เป็นผู้คิดค้นขึ้น โดยนำข้าวคลุกน้ำพริกไปห่อใบตองปิ้งจนสุกหอม ก่อนจัดในกรวยใบตองประดับดอกไม้สวยงาม รับประทานคู่กับชิ้นปลาแซลมอนแบบร่วมสมัย แนมด้วยเครื่องเคียงแบบไทยๆ อย่างปลาดุกฟู ไข่ฝอย มะม่วงอ่อน ผักต่างๆ ที่แกะสลักอย่างสวยงาม ถ้าใครชอบกินรสจัด ทางร้านก็ยังมีน้ำพริกลงเรือรสเข้มข้นกลมกล่อม เผ็ดกำลังดี เสิร์ฟมาให้ด้วย

ต่อด้วยเมนู ข้าวมัสมั่นเนื้อบ้านเบญจมาศ” ที่ทางร้านใช้เนื้อน่องลายนำมานำมาตุ๋นกับเครื่องแกงมัสมั่นชาววัง ใส่มันฝรั่ง, ลูกเกด และถั่วอัลมอนด์ โรยผิวส้มซ่าแทนผิวมะกรูดเพิ่มกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ เสิร์ฟพร้อมกับซุปลูกรอก และอาจาดอังวะ อาจาดแบบโบราณสูตรชวา ทำจากดอกกะหล่ำราดด้วยกะทิผสมกับผงกะหรี่โรยด้วยงา จานนี้อร่อยจนอยากอุทานว่าคุณพระ! ทำไมมันช่างละมุนลิ้นขนาดนี้ ไข่ข้นๆ ราดมาบนข้าวนุ่มๆ ที่ใช้ข้าวหอมมะลิหุงอย่างดี เข้ากันกับรสชาติเข้มข้นกลมกล่อมของแกงมัสมั่นแบบไทยประยุกต์ได้อย่างลงตัวสุดๆ

โบราณว่ากินคาวแล้วต้องกินหวาน เพราะฉะนั้น ผมเลยไม่พลาดที่จะสั่งเมนูของหวานอย่าง พุดดิ้งกล้วยโอชารส” พุดดิ้งสไตล์ไทยที่ทำจากกล้วยเปลือกบางอย่างกล้วยไข่ รสหวานละมุน ทานคู่กับซอสน้ำดอกกุหลาบและกระเจี๊ยบรสเปรี้ยวอมหวาน เนื้อพุดดิ้งนุ่มละลายในปาก ทานแล้วฟินจนอยากสั่งเบิ้ลอีกจานเลยทีเดียว!

ส่วนใครอยากลิ้มรสชาติตำรับของหวานแบบไทยๆ จัดไปกับเมนูนี้ ส้มฉุนกรุ่นกลิ่นส้มซ่า” ของหวานหาทานยาก ชื่อแปลกหู แต่ถ้าใครเคยอ่านกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 คงคุ้นอยู่บ้าง ส่วนผมเองเคยได้ยินแต่ชื่อ พอได้มาลองชิมบอกเลยว่าทึ่งกับตำรับของหวานไทยจานนี้มาก เพราะนอกจากจะเสิร์ฟมาในโถแก้วเจียระไนสวยงามแล้ว ยังทำจากผลไม้ไทยตามฤดูกาลอย่างส้ม, ลิ้นจี่คว้านเมล็ด, ผิวมะกรูดเชื่อม ฯลฯ นำมาทำเป็นของหวานอย่างผลไม้ลอยแก้ว ปรุงรสด้วยน้ำเชื่อมกลิ่นผิวส้มซ่า โรยหน้าด้วยขิงอ่อนและหอมแดงเจียว เวลาทานเติมน้ำแข็งทุบละเอียด หวานเย็นชื่นใจ

ถ้าใครไม่อยากทานมื้อหนัก ก็แวะมาจิบน้ำชายามบ่ายที่นี่ได้ ซึ่งบ้านเบญจมาศมีชาสูตรพิเศษที่ทางร้านเบลนด์เองในชื่อ “ชาเบญจมาศ” มีให้เลือก 4 รสชาติ คือ สยามเอิร์ลเกรย์, ครีมมี่อู่หลง, สรวงสวรรค์ และอภิรมย์ ซึ่งวันนี้ผมสั่ง Signature อย่าง สยามเอิร์ลเกรย์” ที่ทางร้านได้นำชาเอิร์ลเกรย์หรือชาดำจากรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย และชาซีลอนของศรีลังกามาผสมกับกลิ่นหอมของผลไม้ตระกูลซิตรัสเมืองร้อน เช่น เปลือกส้มโอ, ส้มเช้ง, ผิวมะกรูด ฯลฯ ได้จิบน้ำชาอุ่นๆ ช่วงหน้าฝนแบบนี้คือฟิน!

แนะนำให้สั่งน้ำชามาทานคู่กับเบเกอรี่อย่าง เค้กราชปะแตน โดยเจ้าของร้านที่พ่วงตำแหน่งเชฟอธิบายว่า จริงๆ แล้วที่มาของชื่อเค้กราชปะแตน มาจากขนมเค้กคอฟฟี่เรซิน ที่ท่านผู้หญิงท่านหนึ่งได้ทำถวายในหลวง ร.9 ขณะทรงเรือใบที่หัวหิน และพระองค์ได้ทรงเรียกชื่อขนมชนิดนี้ตามชื่อเรือใบว่า “ราชปะแตน” โดยทางร้านได้ดัดแปลงใส่ผลไม้แห้งอย่างอินทผาลัม,แอปริคอท ฯลฯ นำไปหมักกับเหล้ารัม เนื้อเค้กหอมนุ่มชุ่มฉ่ำกำลังดี  

ต่อด้วย ตาแตง ฟินองซิเย ที่นำฟินองซิเยหรืออัลมอนด์เค้กของฝรั่งเศสมาเพิ่มความพิเศษ โดยนำ “ตาแตง” หรือแอปเปิ้ลไปผัดกับซินนามอนและน้ำตาล ท้อปปิ้งด้วยวิปครีม เอกลักษณ์ของขนมชิ้นนี้คือความเข้มข้นของเนื้อเค้กที่มีความมันของอัลมอนด์และกลิ่นน้ำผึ้งหอมหวาน ตัดกับรสเปรี้ยวหวานของแอปเปิ้ลและความมันของวิปครีม ใครอยากกินเมนูนี้ต้องมาที่บ้านเบญจมาศเท่านั้น

ตบท้ายด้วยเครื่องดื่มพิเศษสีสวย ชื่อไพเราะเสนาะหูอย่าง อัญชันรุจี” ชาที่ทำจากดอกไม้สองชนิดอย่างดอกบัวหลวงและดอกอัญชัน ผสมผสานกับวานิลลาและตะไคร้ รสชาติแปลกใหม่ แถมเวลาดื่มแล้วได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกบัวหลวง ส่วนสาวๆ ต้องลองเมนู รพีจรัส” ม็อกเทลสีแดงสวยสมชื่อ ที่ทำจากสมุนไพรอย่างน้ำกระเจี๊ยบ รสเปรี้ยวอมหวาน ผสมผสานกับกลิ่นหอมจากดอกกุหลาบ และเพิ่มความซ่าด้วยโซดา จิบแล้วสดชื่นซาบซ่าเหมาะกับอากาศร้อนๆ เป็นที่สุด

ต้องยกให้บ้านเบญจมาศเป็นหนึ่งในร้านอาหารไทยที่ร่วมสมัยทั้งบรรยากาศและรสชาติอาหาร แถมตอนนี้เค้ายังมีโปรฯ เด็ดร่วมกับทาง FWD MAX รับส่วนลด 10% ต่อบิล (ไม่รวมเซ็ทเมนู และจำกัดการรับสิทธิ์ 1 ท่าน/สิทธิ์/วัน) ใครอยากรับโปรโมชันดีๆ ชนิดที่แม่มณีต้องอิจฉาแบบนี้ คลิกดูรายละเอียดที่นี่เลย>>www.chillpainai.com/fwdmaxprivilege/

 

สมัครรับสิทธิพิเศษ FWD MAX ได้ง่ายๆ
iOS: https://goo.gl/c1PwMq
Android: https://goo.gl/RVJ6Kl

ที่ตั้ง : ร้านบ้านเบญจมาศ อารีย์ซอย 1 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร

เวลาเปิด : ทุกวัน เวลา 10.00-18.00 น. (เมนูอาหารเปิดให้บริการ 11.30-15.00 น.)

ราคา : 75-450 บาท

เบอร์ติดต่อ : 02-279-8055

GPS : https://maps.app.goo.gl/iKunY2MYbrnUVbheA

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0