จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์รูปภาพหญิงวัยกลางคน สวมใส่เสื้อสีดำ และหิ้วถุงกระดาษอยู่เต็มมือ พร้อมระบุข้อความว่า หญิงรายดังกล่าวใช้วิธีการที่หลอกขอเงิน ทำทีเป็นขอความช่วยเหลือ เพราะถูกขโมยกระเป๋าสตางค์ ซึ่งเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง
วันที่ 15 ต.ค. 62 น.ส.อัจฉราพร บุบผาชาติ ครูสอนเต้น ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 62 ตนเดินทางกลับบ้าน เพิ่งลงจากรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีบางซื่อ มีคุณป้าที่ปรากฎในรูปก็โผล่มา และเรียกตนด้วยน้ำเสียงนิ่งว่า “หนู ๆ เป็นคนไทยหรือเปล่า” แล้วบอกตนว่าโทรศัพท์หาย ขอให้ตนโทรศัพท์เข้า ซึ่งตอนนั้นตนเห็นป้าถือของเต็มทั้ง 2 มือ จากนั้นตนก็โทรไปตามหมายเลขที่ป้าบอก แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จากนั้น ป้าทำทีหาของ ป้าพยายามยกกระเป๋าหิ้วที่สะพายไว้ ซึ่งมีรอยถูกกรีด ตนก็ตกใจ ป้าบอกว่าน่าจะถูกคนร้ายขโมยของ พูดนิ่ง ๆ ว่า “ป้าโดยแล้วหรอลูก” ซึ่งป้าดูไม่ตกใจ และคงกลับบ้านไม่ได้ กุญแจบ้านก็หาย เงินในกระเป๋าก็หายหมด
ทั้งนี้ ด้วยความสงสาร ป้าทำทีจะร้องไห้ ตนจึงยิ่งเห็นใจ ป้าบอกว่าต้องเรียนคนใช้มาเปิดบ้าน บ้านอยู่เอกมัย ต้องนั่งรถไฟฟ้าไป ซึ่งไม่มีเงินแล้ว ตอนนั้นตนได้หยิบเงิน 200 บาทให้กับป้าไปทั้งหมด ป้าก็บอกว่าเดี๋ยวกลับบ้านแล้วโอนเงินคืนให้ แต่ตนคิดว่าช่วยกัน ก่อนจะเดินแยกกันไป นอกจากนี้ ตนทักไปว่า “อย่าลืมไปแจ้งความ” ป้าก็มีท่าทีดูเร่งรีบกลับไป
ส่วนตัวไม่หวงเงิน แต่อยากให้ป้าหยุดทำ เพราะคนที่เดือนร้อนจริง ๆ ก็มี การกระทำแบบนี้จะทำให้คนที่อยากช่วย ไม่กล้าช่วยเหลืออีก อย่าเอาความสงสารมาหลอกลวงแบบนี้
นอกจากนี้ นางสาวธารีรัตน์ ศาสนะสุพิน หรือ ลูกน้ำ อายุ 23 ปี ผู้เสียหายอีกราย ได้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. เวลาประมาณ 23.00 น. ตนกับแฟนกำลังจะเดินทางกลับบ้าน มาถึงรัชดา มีป้าสวมเสื้อผ้าสีดำ หอบถุงกระดาษเต็มมือ เข้ามาถามตนว่าเป็นคนไทยหรือไม่ พร้อมเล่าว่าก่อนหน้านี้ไปเดินตลาดรถไฟมา แล้วถูกโจรกรีดกระเป๋า ขโมยกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ไป ก่อนจะโชว์กระเป๋าผ้าสีเหลืองที่มีรอย แล้วจะขอยืมโทรศัพท์โทรหาหลานสาว ตนทราบทันทีว่าเป็นมิจฉาชีพ เพราะเมื่อปี 2558 เคยมีคนโพสต์วิธีการหลอกเงินของป้ารายนี้แล้ว
โดยตนทำทีว่าเป็นหลงเชื่อ กดเบอร์โทรของหลานสาวพร้อมทั้งเปิดลำโพงโทรศัพท์ เมื่อโทรไปก็ไม่มีสัญญาณ ป้าก็เริ่มทำหน้าเศร้า บอบว่าโทรศัพท์ กระเป๋าเงิน บัตรเอทีเอ็มโดนขโมยไปหมด ตนจึงบอกให้ป้าเข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่ป้าปฏิเสธ อ้างว่าไปแจ้งความก็ได้แค่ลงบันทึกประจำวัน แล้วพยายามเดินหนีตน ตนจึงบอกว่าตนทราบว่าป้าเป็นมิจฉาชีพ ซึ่งตนพยายามวิ่งตามป้าไป แต่แฟนรั้งไว้ เนื่องจากกลัวว่าป้าจะมีคนมาด้วย นอกจากนี้ ตนทราบว่า เคยมีคนถูกป้ามิจฉาชีพหลอกเอาเงินมากกว่า 10 ครั้ง
ทีมข่าวเดินทางไปที่หอพักของป้าคนดังกล่าว ย่านลาดพร้าว โดยในห้องมีกระเป๋าเดินทางวางไว้หลายใบ ถุงกระดาษประมาณ 3-4 ถุง ร่มประมาณ 20 คัน และเสื้อผ้าทุกตัวเป็นสีดำ อีกทั้งยังมีสมุดจดรายรับ-รายจ่ายในแต่ละวัน โดยผู้ดูแลหอพัก เล่าว่า ป้าเข้ามาอยู่ที่หอพักเป็นห้องรายวัน ได้ประมาณ 3 ปี ไม่เคยสุงสิงกับใคร และจะออกไปทำงานทุกวัน ตั้งแต่ 12.00 น. และช่วง 15.00 น. กลับมากลางดึก แต่งตัวเหมือนจะไปเต้นแอโรบิค ใส่ชุดสีดำตลอด ถือร่มไป 1 คัน สะพายถุงกระดาษไปไม่เคยซ้ำกัน
นอกจากนี้ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตนเข้าไปพบว่าในห้องของป้า มีถุงพลาสติกสองถุงใหญ่ ใส่เบอร์โทร และรหัสบัญชีพร้อมเพย์ไม่ซ้ำเบอร์กัน เมื่อพอทราบเรื่องว่าคนใกล้ตัวไปก่อเหตุก็ตกใจมาก ล่าสุด พบป้าออกจากที่หอพัก เมื่อวันที่ 13 ต.ค. แล้วก็ยังไม่ได้กลับมาอีกเลย
อย่างไรก็ตาม ผู้ดูแลหอพักเคยถามป้าว่าทำไมต้องเช่าห้องรายวัน ตกเดือนละ 15,000 บาท ทั้งที่มีคอนโดฯให้เช่าอยู่ ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาค้นหอพักของป้าผู้ก่อเหตุ พบสมุดบัญชีมียอดปีละ จำนวน 180,000 บาท
https://youtu.be/ntiEquwhdzk
