โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

บึ้มสยองงานแต่งคาบูลตายเกลื่อน 63 ศพ เจ็บเฉียด 200 คน ตอลีบานยันไม่ได้ลงมือ

Manager Online

เผยแพร่ 18 ส.ค. 2562 เวลา 12.07 น. • MGR Online

เอเจนซีส์ – คนร้ายใช้ระเบิดฆ่าตัวตายถล่มงานวิวาห์กลางกรุงคาบูลเมื่อคืนวันเสาร์ (17 ส.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 63 คน บาดเจ็บอีก 182 คน ถือเป็นเหตุวินาศกรรมรุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของอัฟกานิสถานในรอบไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งยังเกิดขึ้นขณะที่วอชิงตันและกลุ่มตอลีบานกำลังเจรจาในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อปูทางสู่การถอนทหารอเมริกันออกจากประเทศนี้ ขณะที่ทางกลุ่มตอลีบานยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุร้ายครั้งนี้

นาสราต ราฮิมี โฆษกกระทรวงมหาดไทยอัฟกานิสถานแถลงในวันอาทิตย์ (18 ส.ค.) ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 63 คน และบาดเจ็บ 182 คน ซึ่งในบรรดาผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้มีทั้งเด็กและผู้หญิง ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตาย

ประธานาธิบดี อัชรัฟ กอนี ระบุทางทวิตเตอร์ว่า ตอลีบานไม่อาจรอดพ้นการถูกกล่าวหาจากการโจมตีอย่างป่าเถื่อนนี้ เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุนแนวทางการก่อการร้าย

ห้องโถงจัดพิธีแต่งงานถือเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในคาบูล เนื่องจากปกติแล้วงานแต่งงานในอัฟกานิสถานจะจัดขึ้นอย่างเอิกเกริก บ่อยครั้งมีแขกร่วมแสดงความยินดีหลายร้อยคน และมักจัดกันนานหลายชั่วโมงในห้องโถงเฉพาะสำหรับจัดพิธีวิวาห์ขนาดใหญ่ซึ่งผู้ชายจะแยกอยู่คนละส่วนกับผู้หญิงและเด็ก ซึ่งแขกคนหนึ่งเล่าว่า ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในงานราว 1,200 คน

ขณะเดียวกัน งานแต่งงานมักเป็นเป้าหมายการโจมตีของผู้ก่อการร้าย เนื่องจากขาดมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คนในเหตุระเบิดงานแต่งงานในคาบูล และเดือนที่ผ่านมาก็เพิ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คนเมื่อมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีงานแต่งงานในจังหวัดนันการ์ฮาร์ทางตะวันออกเฉียงใต้ โดยกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ

สำหรับพิธีแต่งงานเมื่อวันเสาร์ เชื่อว่าเป็นของบ่าวสาวที่นับถือนิกายชีอะห์ ซึ่งมักตกเป็นเป้าหมายการโจมตีในอัฟกานิสถาน ที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมที่นับถือนิกายสุหนี่ โดยเฉพาะจากไอเอสที่เคลื่อนไหวอยู่ในคาบูลเช่นเดียวกับตอลีบาน ถึงกระนั้นไอเอสก็ยังไม่ได้ออกมาอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด เช่นเดียวกับกลุ่มตอลีบาน

การโจมตีครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงที่มีความหวังมากขึ้นว่าอเมริกาและตอลีบานอาจบรรลุข้อตกลง ซึ่งจะปูทางให้วอชิงตันเริ่มการถอนทหารที่มีอยู่ประมาณ 14,000 คนออกจากอัฟกานิสถาน หลังจากสงครามนาน 2 ทศวรรษที่กลายมาเป็นการคุมเชิงกันอยู่ในขณะนี้

ตอลีบานจะแลกเปลี่ยนด้วยการรับประกันความปลอดภัยต่างๆ รวมถึงการให้คำมั่นว่า จะไม่ยอมให้อัฟกานิสถานกลายเป็นแหล่งกบดานของนักรบญิฮาด อีกทั้งยังมีการคาดหมายว่า ตอลีบานจะยอมเปิดเจรจาเพื่อแบ่งสรรอำนาจกับรัฐบาลอัฟกานิสถานและตกลงหยุดยิง

ที่ผ่านมากลุ่มตอลีบานพยายามต่อสู้เพื่อขับไล่กองกำลังต่างชาติออกจากอัฟกานิสถานและสถาปนารัฐอิสลามอีกครั้ง หลังจากที่ตนเองถูกโค่นล้มในเดือนตุลาคม 2001 หรือไม่กี่สัปดาห์หลังเหตุวินาศกรรมสหรัฐฯ ในวันที่ 11 กันยายน

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศโจ่งแจ้งว่า ต้องการนำทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานและยุติสงครามที่ยาวนานที่สุดของอเมริกา และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ส.ค.) ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เพิ่งบรรยายสรุปสถานการณ์การเจรจาต่อทรัมป์ ในส่วนรัฐบาลอัฟกานิสถานนั้นถูกตอลีบานกีดกันไม่ให้ร่วมการเจรจา เนื่องจากมองว่าเป็นหุ่นเชิดของวอชิงตัน

ชาวอัฟกันจำนวนมากกลัวว่า หากทหารอเมริกันถอนออกไป ตอลีบานอาจกลับมามีอำนาจ และริดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้หญิงอีก หรือกลัวว่าประเทศอาจเข้าสู่สงครามกลางเมือง โดยระหว่างการเจรจาที่เริ่มต้นปลายปีที่แล้ว ยังคงมีการสู้รบและการโจมตีด้วยระเบิดหลายครั้ง

การโจมตีครั้งนี้ยังเกิดขึ้นหลังเหตุระบิดมัสยิดในปากีสถานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ทำให้อาห์มาดุลเลาะห์ อัซกันซาดา น้องชายของไฮลาตุลเลาะห์ อัซกันซาดา ผู้นำตอลีบาน เป็น 1 ใน 4 ผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บราว 20 คน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ ขณะที่กลุ่มตอลีบานออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ว่า เหตุการณ์นี้จะไม่กระทบต่อการเจรจากับสหรัฐฯ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0