กรุงเทพฯ ติดเป็นหนึ่งใน 5 เมืองที่กำลังเติบโตด้วยผลงานศิลปะจากคนท้องถิ่นที่กำลังเรียกความสนใจจากผู้คนทั่วโลก
สำนักข่าว BBC ได้เขียนบทความเรื่อง The Five Most Creative Cities in the World โดยลิบบี แบงค์ส (Libby Banks) นักข่าวด้านแฟชันและศิลปะ ได้พาไปสำรวจยังสถานที่ต่างๆ 5 แห่ง ประกอบด้วยกรุงเทพฯ เม็กซิโก ซิตี ชาร์จาห์ เบลเกรด และดาการ์ ซึ่งสถานที่เหล่านี้ล้วนรุ่มรวยไปด้วยงานศิลปะจากคนรุ่นใหม่จนได้ชื่อว่าเป็น “ศูนย์รวมทางวัฒนธรรม” และสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับผู้รักงานศิลปะจากทั่วโลก
โดยในบทความกล่าวไว้ว่า กรุงเทพฯเมืองที่มีประชากรกว่า 8 ล้านคนอาศัยอยู่และเต็มไปด้วยสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง ศิลปินรุ่นใหม่ของไทยกำลังใช้การร้องเพลงแร๊บ การวาดกราฟฟิตี ตลอดจนศิลปะและภาพถ่ายร่วมสมัย มาสะท้อนความคิดทางการเมืองและตอกกลับการเซ็นเซอร์ของผู้นำประเทศ ตลอดจนรวบรวมความกล้าในการลุกขึ้นมาแสดงความเห็นด้วยวิธีการใหม่ด้วยการสร้างสรรค์ศิลปะการต่อต้านเผด็จการขึ้น
ตัวอย่างหนึ่งเห็นได้จากการที่กลุ่มศิลปิน Rap Against Dictatorship หรือ RAD ได้ใช้มิวสิควีดิโอมากล่าววิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยสมัย คสช. จนมียอดคนดูรวมกว่า 50 ล้านคนบน YouTube ในขณะที่ผลงานของศิลปินแนวสตรีทอาร์ตอย่าง Alexface และ Headache Stencil ก็ได้รับรางวัลระดับจากเวทีนานาชาติด้วย
นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะสำคัญซึ่งจัดขึ้นในกรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้ว อย่างเช่น งาน Bangkok Art Biennale และงาน Ghost 25:61 ซึ่งเป็นซีรีส์การแสดงผลงานวิดีโอและศิลปะการแสดง นอกจากนี้ยังมีแกลอรีสำคัญอย่าง BANGKOK CITYCITY GALLERY / TARS / 100 Tonson / Cartel / Gallery VER (ก่อตั้งโดยคุณฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช ศิลปินร่วมสมัยของไทย) และ N22 ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้มาทำให้เมืองกลายเป็นสถานที่ที่จะค้นพบกับผลงานศิลปะร่วมสมัยที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นคุณดุษฎี ฮันตระกูล คุณอรวรรณ อรุณรักษ์ และคุณมิติ เรืองกฤตยา
คุณสมรัก ศิลา หนึ่งในผู้ก่อตั้ง WTF Bar and Gallery กล่าวว่า “ความอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันทำให้เกิดการแบ่งขั้วอย่างชัดเจน และเมื่อสังคมถูกกดทับด้วยความอดกลั้นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ งานศิลปะและงานสร้างสรรค์จึงเริ่มผลิบานขึ้นมา ไม่กี่ปีมานี้ มีแกลอรีแสดงงานศิลปะเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้ทำให้เราเห็นว่า งานศิลปะคือเครื่องมือที่ชั้นดีในการมาช่วยส่งผ่านเรื่องละเอียดอ่อนหรือตั้งคำถามที่จะสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายผู้มีอำนาจ” นอกจากนี้คุณสมรักยังได้แนะนำให้รู้จักกับกลุ่มละครเวทีขนาดเล็กที่ใช้ทุนด้วยเงินตัวเองอย่าง B-Floor Theatre โดยบอกว่า ผลงานของพวกเขามีเอกลักษณ์ ให้ข้อคิดที่ดี และมักนำเรื่องการเมืองและประเด็นทางสังคมมาตั้งคำถามถึงค่านิยมของสังคมด้วย
ขณะที่ 4 เมืองอื่นประกอบด้วย เมืองเม็กซิโกซิตี ของเม็กซิโก เมืองที่กำลังเคลื่อนไปข้างด้วยแฟชันและปรากฎผ่านสถาปัตยกรรมสาธารณะ วัฒนธรรมที่จับต้องได้ การออกแบบเชิงนวัตกรรม การทดลองออกแบบของเหล่าดีไซเนอร์ และแบรนด์ต่างๆ ที่เป็นสตรีทแวร์ เมืองชาร์จาห์ ของยูเออี ที่หลุดพ้นล่มเงาของเมืองใหญ่อย่างอาบูดาบีและดูไบด้วยการก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงสร้างสรรค์งานศิลปะร่วมสมัย และมีศูนย์รวมของผลงานศิลปะและการจัดแสดงกิจกรรมมากมายจากศิลปินท้องถิ่นอย่างมูลนิธิศิลปะชาร์จาห์ (Sharjah Art Foundation)
เมืองเบลเกรด ของเซอร์เบีย ซึ่งมาทวงเบอร์หนึ่งของศูนย์กลางศิลปะร่วมสมัยในยุโรปอีกครั้งหนึ่ง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากวัฒนธรรมชีวิตกลางคืนของวัยหนุ่มสาวที่มาช่วยจุดกระแสให้ผู้คนเดนทางมาที่เมืองแห่งนี้นอกเหนือจากมาชมสถาปัตยกรรมคอนกรีตอย่าง “Brutalist Architecture” และเมืองดาการ์ ของเซเนกัล อีกเมืองหนึ่งที่ถูกสั่นสะเทือนด้วยพลังจากวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมเซิร์ฟ (Surf culture) การมีส่วนร่วมในภาคการเมือง และการงอกเงยของศิลปะร่วมสมัย จนเกิดงานมากมายที่เฉลิมฉลองให้กับงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น Dak’Art เวทีแสดงงานศิลปะร่วมสมัยสำคัญของเซเนกัล Dakar Fashion Week แหล่งรวมดีไซเนอร์หลายชีวิตมาร่วมแสดงผลงานจนเป็นที่สนใจจากนานาประเทศ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ของคนดำ (The Museum of Black Civilisations) ที่จะมาสร้างความรู้และเข้าใจใหม่ๆ ต่อประวัติศาสตร์และศิลปะร่วมสมัยของคนแอฟริกันรวมถึงคนพลัดถิ่นด้วย
