เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ฝูงเครื่องบินกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีสีหน้ายิ้มแย้ม และโบกมือทักทายสื่อมวลชน แต่ปฎิเสธให้สัมภาษณ์ ก่อนจะเดินทางไปมอบโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชนที่จ.กาฬสินธุ์ ภายหลังถูกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาตอบโต้
ด้านพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตรเห็นข่าวดังกล่าวแล้ว และไม่ได้รู้สึกโกรธหรือโมโหอะไร เพราะทราบว่าประชาชนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น และต้นเหตุมาจากอะไร ดังนั้นอย่าไปพูดแค่เพียงปลายเหตุ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของแต่ละคน ยืนยันว่าบ้านเมืองของเราอยู่ด้วยกฎหมาย หากดำเนินการอะไรไปแล้วก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นทางกฎหมายไม่เช่นนั้นสังคมจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ทั้งนี้ตนย้ำว่าในสัญญาประชาคมมีหัวข้อที่ระบุไว้คือ 4 เคารพ 2 ความรับผิดชอบ ถือเป็นหลักพื้นฐานของประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายต่างเรียกร้อง และเป็นหน้าที่ของพลเมืองทั่วประเทศที่จะต้องดำเนินการตามประชาธิปไตย การเคารพกฎหมายถือเป็นเรื่องที่สำคัญ การอยู่ร่วมกันต้องเคารพและยอมรับผลของกติกา และทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นร่วมกันเพื่อหาทางออกในความขัดแย้ง และเป็นพื้นฐานของประชาธิปไตย และการอยู่ร่วมกันโดยไม่มีความขัดแย้ง
พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ส่วนเพจเปรี้ยงออกมาตอบโต้แทนพล.อ.ประวิตร และนำภาพนายทักษิณ กับพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) และอดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.)บิดาของพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ว่าที่ ผบ.ทบ.คนใหม่มาประกอบนั้น ส่วนตัวยังไม่เห็นเพจดังกล่าว ซึ่งเราเคยรู้กันอยู่ว่าใครเคยทำอะไรไว้ ถามว่าจะเอาเรื่องในอดีตมาพูดกันทำไม การนำเรื่องแบบนี้มาพูดแล้วจะมีใครคบด้วย ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด
"สิ่งที่นายทักษิณพูดคือสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ซึ่งพล.อ.ประวิตร คงไม่ตอบโต้อะไร ใครทำอะไรไว้ต่างก็รู้กันอยู่ วันนี้สังคมฉลาดขึ้น อย่าไปพาดพิงใคร ต้องทำให้บ้านเมืองมีความรักความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า เราไม่โทษใคร" พล.ท.คงชีพ กล่าว
เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของนายทักษิณจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในการเลือกตั้งหรือไม่ พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า คิดว่าไม่มีผล เพราะเชื่อว่าสังคมรู้ข้อมูลมากพอสมควร ใครจะมาชี้นำคงไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ทางหน่วยงานความมั่นคงก็ติดตามอยู่ตลอดเวลา แต่จะเข้มงวดเรื่องการดูแลความปลอดภัยของประชาชนและเรื่องอาวุธสงคราม เพื่อสร้างบรรยากาศให้กับพรรคการเมืองที่จะลงพื้นที่ เพื่อรองรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงอย่างเท่าเทียม เสรี และปราศจากความรุนแรง
"การเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศในช่วงนี้เรื่องนี้ ถือว่าเป็นเรื่องเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นการช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองการหาเสียง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องไม่ทำให้สังคมและประเทศชาติเสียหาย หากรักประเทศจริงก็อย่าทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย อย่าทำให้กลไกของรัฐอ่อนแอ เราต้องพยายามฝ่าแรงเสียดทานนี้ไปให้ได้" พล.ท.คงชีพ กล่าว
