โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

"บิ๊กป้อม" ปฏิวัติ พลังประชารัฐ "ก๊กป่ารอยต่อ" รวบอำนาจ 10 มุ้งการเมือง

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 18 ส.ค. 2562 เวลา 05.25 น. • เผยแพร่ 18 ส.ค. 2562 เวลา 15.26 น.
8-2p12

โครงสร้างอำนาจภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ-โค้งหักศอกครั้งสำคัญทันทีที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจตัวจริง-เสียงจริงนั่งประธานยุทธศาสตร์พรรค ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้ “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค หลังจากก่อนหน้านี้มีการปล่อยข่าวว่า พล.อ.ประวิตรจะมานั่งเป็นทั้งหัวหน้าพรรค-ประธานที่ปรึกษาพรรคจาก “คนใกล้ชิด”

เมื่อข่าวลวงกลายเป็น “ข่าวจริง” ทำให้โครงสร้างพรรคในยุค พล.อ.ประวิตร เบื้องต้นประกอบด้วย 15 ตำแหน่ง มี พล.อ.ประวิตร-ประธานยุทธศาสตร์พรรค มีชื่อ “อนุชา นาคาศัย” ส.ส.ชัยนาท พลังประชารัฐ ถูกเสนอ-ชูชื่อขึ้นมาเป็นรองประธานยุทธศาสตร์พรรค เลขานุการพรรค หัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรค โดยมีผู้อำนวยการประจำภาคทุกภาค มีอำนาจ-หน้าที่รับฟังและแก้ปัญหาให้กับ ส.ส. 116 ชีวิต การปรับโครงสร้างพรรคโดยมี “บิ๊กป้อม” นั่งหัวโต๊ะ เป็นการ “ยึดอำนาจ” อุตตม สาวนายน-หัวหน้าพรรค ที่มี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็นแบ็กอัพอยู่ข้างหลังไปโดยปริยาย-การตัดสินใจถูกรวบไว้ที่ “บิ๊กป้อม” แต่เพียงผู้เดียว

แม้จะพูดได้ไม่เต็มปากนักว่า ที่ผ่านมา “อุตตม-สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค” มี “อำนาจเต็ม” ในการบริหาร-จัดการพรรค เพราะที่ผ่านมาเจ้าของพรรคตัวจริง-ผู้จัดการรัฐบาลในการจัดสรรตำแหน่ง-ดีลโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีทั้งกลุ่ม-มุ้งภายในพรรคและต่างพรรคก็คือ “พล.อ.ประวิตร” มาโดยตลอด ตั้งแต่วันแรกที่รู้ผลการเลือกตั้ง มีนาคม 62 จนมีคำครหาว่า จัดตั้งรัฐบาลใน “ค่ายทหาร” และ “ผู้มีบารมีนอกพรรค”

เมื่อ “หัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรค” ไม่มีอำนาจตัดสินใจจึงเกิดการต่อรองตำแหน่งของสารพัดมุ้งภายในพรรค จนเกิดภาพแกนนำกลุ่มสามมิตร พร้อมกับ 30 ส.ส. ตั้งโต๊ะแถลง “ขับเลขาธิการพรรค” และการข่าวปล่อย “เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรค” ในช่วงฟอร์มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2 แกนนำระดับสูงพลังประชารัฐ-กลุ่มสี่กุมาร วิเคราะห์ว่า โครงสร้างพรรคใหม่จะทำให้การบริหารจัดการพรรคเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ยึดโยงระหว่างพรรค-ส.ส.-พื้นที่มากขึ้น

“อนุชา นาคาศัย” ส.ส.ชัยนาท พลังประชารัฐ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคกลาง “ว่าที่รองประธานยุทธศาสตร์พรรค” กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประวิตรมานั่งเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคจะทำให้พรรคเป็นเอกภาพมากขึ้น และการที่มีชื่อเป็นรองประธานยุทธศาสตร์พรรคอาจเป็นเพราะ พล.อ.ประวิตร “เห็นอะไรบางอย่าง”

คำว่า “เห็นอะไรบางอย่าง” ของ “อนุชา” อาจต้องการให้ตัวเองเป็นตัวแทน สื่อความหมายว่า แกนนำที่นำชัยชนะมาให้กับพรรค-เกณฑ์ ส.ส.เข้าสภาเป็นกอบเป็นกำ ควรได้รับการตกรางวัล-ปูนบำเหน็จในความดีความชอบ

ย้อนกลับไปในช่วงเปิดศึกในพรรคแย่งเก้าอี้รัฐมนตรี “เสี่ยแฮงค์” ที่มีชื่ออยู่ใน “โผ ครม.” เป็น รมช.คลัง เคยตั้งโต๊ะ
แถลงข่าว “ทวงสัจจะ” เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพลังงานให้กับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร และออกมาสาวไส้ภายในพรรคว่า กลุ่มสามมิตร “ถูกกดหัว-แทงข้างหลัง” จากคนในพรรคที่เป็นเจ้าของสื่อ จึงต้องการบริหารจัดการภายในพรรคใหม่

แกนนำกลุ่มสามมิตรอีกราย กล่าวถึงการเข้ามาของ พล.อ.ประวิตร ว่า จะสามารถแก้ปัญหาก๊วน-ก๊กภายในพรรคหรือไม่…คงจะเหลือเพียง “ก๊กป่ารอยต่อฯ” ของ “บิ๊กป้อม” เท่านั้น

ขณะที่แกนนำระดับ master mind พลังประชารัฐ “อ่านเกมขาด” ว่าปัญหาใหญ่ไม่ใช่การสู้รบตบมือกับต่างพรรค-7 พรรคฝ่ายแค้น แต่เป็น “ศึกในพรรค” ที่ถูกซ่อนไว้อยู่ใต้พรมภายหลังตั้งคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ 2/1 ได้สำเร็จ รอวันแตกหัก-ปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ และในอนาคตพรรคพลังประชารัฐอาจเหลือเพียงแต่ซากปรักหักพัง

“การเข้ามาของ พล.อ.ประวิตรไม่ได้แก้ปัญหา-สลายขั้วภายในพรรคได้ กลับกันมีแต่จะทำให้สร้างปัญหา เพราะลิ่วล้อต้องการเช้ามาเพื่อมาหาประโยชน์ภายในพรรค มาเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ต้องการรวบอำนาจ ต้องการเอาคนของตัวเองเข้ามา และสกัดกั้นกลุ่มอื่นไม่ให้มีอำนาจนำภายในพรรค”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “รอยร้าวลึก” ที่เกิดขึ้นภายในพรรค เกิดจาก “พล.อ.ประวิตร” ตั้งแต่ไปดีลโควตา-ประเคนเก้าอี้รัฐมนตรี “กระทรวงเกรดเอ” ให้กับ “ต่างพรรค” ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย จนแกนนำกลุ่ม-ก๊กภายในพรรคเหลือเพียง “กระทรวงตกเกรด”

ขณะที่ 10 พรรคเล็กที่ออกมาขู่ว่าจะออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล-ตีรวนเพื่อต่อรองตำแหน่งก็เป็นเพราะพล.อ.ประวิตรไปดีลไว้แล้วไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้

“พรรคพลังประชารัฐตอนนี้ไม่มีความหมาย ถ้า พล.อ.ประวิตรเข้ามาภาพลักษณ์จะตกหนัก อนาคตจะเหลือแต่ซาก อย่าคิดว่าพรรคนี้มีแบรนด์ ตอนนี้พรรคไม่มีค่า ถ้าไม่ perform จะกลายเป็น zero การเมืองในขณะนี้ และการเมืองในอนาคตข้างหน้าเงินซื้อไม่ได้ เมื่อไทยมาสู่จุดที่ต้องการเปลี่ยนแปลง”

แกนนำพลังประชารัฐเตรียมปูพรมแดงเปิดหน้า-เปิดตัว “พล.อ.ประวิตร” ผู้มีบารมีภายในพรรคอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 20 สิงหาคม ที่พรรคพลังประชารัฐหลังจากชิมลาง-ปาฐกถาในงานสัมมนา ส.ส.พรรคที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

ส่วนแนวคิดที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์นั่งเป็นหัวหน้าพรรค-ประธานที่ปรึกษาพรรค มีอันต้องพับไปเพราะการ “ลอยตัว” อยู่นอกพรรค ทำให้ “ไม่เปลืองตัว”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0