เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่รัฐสภา นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า วานนี้ (2 ก.ค.) นายกฯ พูดถึงถนนภาคใต้และสนามบินจ.ตรัง ประเด็นนี้นายกฯ ต้องเข้าใจระบบการบริหารงบประมาณที่ดีคือ ไม่ควรจะเป็นในลักษณะมือใครยาวสาวได้สาวเอา ใครมาขอก็ให้ หรือถ้าเกรงใจใครก็ให้ ถนนภาคใต้มีปัญหาจริง สมควรได้รับงบประมาณ แต่ควรได้ด้วยเหตุผล ไม่ใช่เพราะใครมาขอ ส่วนการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์การคมนาคมใหม่ทั้งประเทศนั้น ตนต้องขอบคุณนายกฯ ที่เข้าใจว่ายุทธศาสตร์คมนาคม แต่ปัญหามาจากการรัฐประหาร ยุทธศาสตร์มั่วซั่ว สร้างโน่นสร้างนี่ซ้ำซ้อน โครงการเต็มไปหมด
อย่างไรก็ตาม ดีใจที่นายกฯ จะเปลี่ยนแปลงผลงานชิ้นโบว์ดำอันเป็นผลพวงของรัฐประหารโดยให้นโยบายว่า อยากทำเส้นทางตรงเส้นทางใหม่ ไม่ทับเส้นทางเดิม แต่ท่านเข้าใจหรือยังว่าเปลี่ยนแปลงไปสู่อะไร มีความรู้ ความเข้าใจแค่ไหน เมื่อเป็นเส้นทางใหม่ก่อให้เกิดการพัฒนาหรือไม่ เพราะเมืองเดิมมีความเจริญอยู่แล้ว จะทำพร้อมกันทั้งถนน ทางรถไฟ ทางระบายน้ำ โดยเรียกว่าบูรณาการ ตนก็งงว่าท่านเข้าใจคำว่าบูรณาการหรือไม่ เพราะบูรณาการไม่ใช่ว่าทำทุกอย่างพร้อมกัน แต่ต้องดูเหตุผลและความคุ้มค่าของโครงการด้วย ต้องเข้าใจ ไม่ใช่อยากเพียงอย่างเดียว และการที่บอกว่าอยากให้เกิดเมืองใหม่นั้นตนเห็นด้วย แต่ที่ตั้งงบมานั้นไม่ใช่ อยากจะสร้างแต่ถนน จะกินหัวคิวกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ท่านบอกว่าถ้ารักประชาชนจริงต้องร่วมมือกับยุทธศาสตร์นี้ ตนรักประชาชนจริง แต่ก็เสียดายภาษีที่ท่านผลาญไป
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงกรณีที่รัฐบาลถูกอภิปรายในประเด็นต่างๆเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ว่า ตนได้ฟังคำอภิปรายของส.ส.ที่มีการวิจารณ์ดูถูกสติปัญญาและเหยียดหยามบ้างเล็กน้อย แต่ตนไม่โกรธเคือง ไม่เอามาเป็นตัวอย่างที่ทำให้โมโหพวกท่าน ทั้งนี้ เรื่องการลงทุนในโครงการด้านคมนาคมนั้นเป็นแผนงาน เป็นแนวคิด ยังไม่ได้เกิดขึ้น เพราะการจะลงมือทำต้องมีการศึกษารายละเอียดอีกครั้ง ส่วนใดที่เป็นชุมชนเดิม ก็ต้องทำด้วย และต้องทำส่วนใหม่ขึ้นมาบ้าง ตนไม่ได้ฉลาดน้อย จึงอย่ามาดูถูกสติปัญญาของตนมากนัก สำหรับการลงทุนของภาครัฐ ถ้าเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องลงทุนเองและต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เราใช้แนวทางการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน หรือพีพีพี มีการเปิดประมูล มีการลงนามในสัญญา และดำเนินการขั้นตอนต่างๆอย่างโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งแนวทางนี้ช่วยลดขั้นตอนและทำให้โครงการของรัฐหลายโครงการสำเร็จมาแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้นั้น รัฐบาลยืนยันว่าต้องดูแลประชาชนต่อไป ตนฟังส.ส.หลายคนพูดถึงแต่เรื่องความก้าวหน้า อนาคต และการลงทุน แล้วก็กลับมาพูดว่ารัฐบาลต้องดูแลผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมันดูย้อนแย้งกัน ตนขอถามว่าถ้าเราต้องทำทุกอย่างตามที่ทุกคนต้องการ แล้วประเทศเราจะเอาเงินมาจากที่ไหน จึงอยากให้ส.ส.ทุกคนช่วยเสนอแนะแนวทางที่จะทำให้รัฐบาลมีรายได้ ซึ่งตนพยายามคิดเรื่องนี้ แต่ไม่ควรให้รัฐบาลคิดฝ่ายเดียว และบรรดาโครงการของภาครัฐ ตนยืนยันว่าไม่ได้คิดเองคนเดียว ไม่เคยอนุมัติให้ใครเป็นกรณีพิเศษ ไม่เคยลงไปสั่งใคร แต่โครงการต่างๆผ่านการเสนอแผนงานโดยคณะกรรมการกลั่นกรองทุกระดับ และตนยืนยันว่าไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์จากใคร และก็รับฟังความเห็นของพวกท่าน ซึ่งท่านใช้คำพูดแรงไปแต่ตนไม่เถียงกับใคร ตนเถียงสู้ท่านไม่ได้ ท่านเคยเป็นอาจารย์เก่า ที่ปรึกษาบริษัทใหญ่ สถาบันต่างๆซึ่งท่านก็เก่งของท่าน ตนไม่เก่งเท่าท่านแต่ตนจริงใจ ตนจะพูดในสิ่งที่ทำได้ เป็นวิสัยทัศน์ที่อาจจะถูกไม่ถูกแต่ต้องหาวิธีการทำ ถ้าไม่ได้ก็ปรับได้ ต้องมีมาตรการดำเนินการที่ถูกต้อง ไม่ใช่นายกฯ สั่งแบบขออนุญาตใช้คำโง่ๆ ออกไปแล้วคนที่เหลือต้องทำโง่ๆ ตาม ตนไม่ใช่คนแบบนั้น ยินดีปรับแก้และทำตามข้อเสนอ ขอให้พูดจากันดีๆ กว่านี้จะดีกว่า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับค่าใช้จ่ายที่เราทำงบประมาณออกมานั้น เรามีงบประมาณหลายส่วน ทั้งงบกลาง งบส่วนราชการ งบบูรณาการ ท่านต้องนึกถึงภาระของรัฐบาลว่าวันนี้ดูแลคนทั้งประเทศ ดังนั้นการจัดสัดส่วนต้องถูกต้องเหมาะสม ท่านต้องไม่ลืมว่าเราดูแลประชาชนปีหนึ่งกี่แสนล้าน ไม่ว่าจะประกันราคา รายได้น้อย ซึ่งประชาชนเรียกร้องและตนเข้าใจเขา ตนพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ได้มากที่สุด แต่ต้องค่อยๆ ทยอยทำตามงบประมาณที่มีอยู่ในแต่ละปี อย่าเอางบประมาณฟื้นฟูมาตีกับงบประมาณปี2564 มันคนละงบกัน เรื่องเรือดำน้ำ ตนพูดมาหลายรอบแล้ว และไม่ว่าจะซื้ออะไร พวกท่านก็ขัดข้องไปหมด เรือดำน้ำที่ว่าดำได้กินน้ำไม่ลึก น้ำลึกก็ดำได้ ไม่ใช่ว่ากระทรวงกลาโหมจะไปซื้อเรือดำน้ำที่ดำไม่ได้ ทางเทคนิคทำได้หมด ไม่ว่าจะซื้ออะไรต้องโปร่งใส ในส่วนถนนก็พยายามทำถนนใหม่ แก้ไขถนนเก่า ก็ทำไปเรื่อยๆ ไม่สามารถเสร็จได้ในปีเดียว
“ดังนั้นงบประมาณที่ออกไปก็เป็นไปตามพันธกิจของเขา ซึ่งอาจไม่ทันใจท่านหรอก คำพูดเสียดสีผม ผมไม่ถือสาเพราะอาวุโสกว่าท่าน ขอบคุณในคำแนะที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ขอให้ช่วยแยกแยะ ผมไม่โมโหใครเลย ผมยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา”นายกฯ กล่าว.
