โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

"บิ๊กตู่" ปลื้มความเชื่อมั่นเศรษฐกิจของประชาชนดีขึ้น ยันไม่ทิ้งผู้มีรายได้น้อย

Manager Online

อัพเดต 12 ส.ค. 2561 เวลา 19.45 น. • เผยแพร่ 12 ส.ค. 2561 เวลา 07.21 น. • MGR Online

โฆษกรัฐบาล เผย "ประยุทธ์" พอใจความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจของประชาชนดีขึ้น พร้อมย้ำรัฐบาลไม่ทอดทิ้งผู้มีรายได้น้อย

วันนี้ (12ส.ค.) พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจผลประเมินดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ก.ค. 61 ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่รายงานว่า อยู่ที่ระดับ 82.2 ซึ่งถือว่าปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องและเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 62 เดือน นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 56 โดยทุกรายการปรับตัวดีขึ้นแทบทั้งสิ้น

เนื่องจากประชาชนเห็นว่าการส่งออกและการท่องเที่ยวขยายตัวดีจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมให้ดีขึ้น ส่วนราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการเริ่มดีขึ้น และกำลังซื้อของประชาชนในหลายจังหวัดก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน

เช่นเดียวกับรายงานดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยเดือน ก.ค.61 ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ระบุว่า ปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน จากระดับ 44.7 ในเดือน มิ.ย. มาอยู่ที่ 45.1 เนื่องจากครัวเรือนมีมุมมองต่อเรื่องรายได้และการมีงานทำดีขึ้น ขณะที่ภาคเกษตรกรรมเริ่มเข้าสู่ฤดูเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวทำให้มีผลผลิตออกสู่ตลาด ช่วยหนุนให้เกษตรกรมีรายได้

ส่วนตัวเลขการจ้างงานของประเทศ เพิ่มขึ้นจาก ช่วงเดียวกันของ ปีก่อน 651,970 อัตรา และเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 260,500 อัตรา

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่ารัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหารายได้ของประชาชนไม่เพียงต่อค่าครองชีพในปัจจุบันโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือหลายอย่างเพื่อเพิ่มรายได้และลดภาระค่าใช้จ่าย เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นาโนไฟแนนซ์ พักชำระหนี้เกษตรกร ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกร โครงการแฟรนไชส์สร้างอาชีพ เป็นต้น

สำหรับข้อกังวลว่าเศรษฐกิจไทยอาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างประเทศนั้น ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณผลกระทบใด ๆ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ประมาท โดยได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังแสดงความยินดีที่ประเทศไทยมีอันดับความสามารถด้านโลจิสติกส์ในปี 2561 ดีขึ้น จากการประกาศของธนาคารโลก โดยอยู่ในอันดับที่ 32 จากเดิมเมื่อปี 2559 อยู่ที่อันดับ 45 ซึ่งนับว่าดีขึ้นถึง 13 อันดับ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลได้ขับเคลื่อนแผนงานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศจนเห็นเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ และสนามบิน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0