องค์การอนามัยโลกระบุ ทุกปีมีเด็กขาดวิตามินเอประมาณ 250,000– 500,000 คน ที่เป็นโรคตาบอด ครึ่งหนึ่งของพวกเขาจะเสียชีวิตภายใน 12 เดือน หลังจากสูญเสียการมองเห็น
ขณะที่สตรีมีครรภ์หลายล้านคนทั่วโลก ตาบอดกลางคืนและมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ จากการขาดวิตามินเอ อาจเป็นอันตรายต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา แอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้วยเหตุนี้กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา นักวิจัยจึงได้ทำเทคโนโลยีจีเอ็มโอมาพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีเบตาแคโรทีนในระดับที่สูงขึ้น
ได้เป็น…ข้าวสีทอง
กินเข้าไปร่างกายมนุษย์จะเปลี่ยนเบตาแคโรทีนให้เป็นวิตามินเอ โดยมีการทดลองภาคสนามครั้งแรกเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ที่มหาวิทยาลัยรัฐหลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา
แต่จวบจนปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดอนุญาตให้ปลูกได้ในเชิงพาณิชย์
ล่าสุด เว็บไซต์วอชิงตันโพสต์ ระบุรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของบังกลาเทศ เตรียมที่จะประกาศอนุญาตให้ปลูกข้าวสีทองในเชิงพาณิชย์ได้ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อแก้ปัญหาเด็กตาบอดและเสียชีวิต
การอนุญาตดังกล่าวจะทำให้ประเทศบังกลาเทศ เป็นประเทศแรกของโลกที่ยอมรับข้าวสีทอง ที่สามารถช่วยเด็กจำนวนนับแสน นับล้านคนจากโรคตาบอดและเสียชีวิตจากการขาดวิตามินเอ
ถ้าบังกลาเทศอนุญาตให้ปลูกข้าวสีทอง และถ้าเด็กที่ขาดวิตามินเอได้บริโภคข้าวดังกล่าวแล้วสามารถช่วยให้มองเห็น และช่วยชีวิตของเด็กเหล่านั้นได้
หน่วยงานกำกับดูแล นักวิจารณ์จีเอ็มโอ จะมีทัศนะยังไง จะยังมองจีเอ็มโอเป็นศัตรูกับมนุษยชาติอีกมั้ย
บ้านเมืองอื่นเขายอมเปิดกว้างกับเรื่องวิทยาศาสตร์ที่เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนในชาติ …ส่วนบ้านเราคงทำได้แค่นั่งแล คุณท่านเอ็นจีโอจะโอเคมั้ย.
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- ไซโคลนซัด อพยพ 2 ล้าน อินเดีย-บังกลาเทศ
- พิษไซโคลน
- ประกาศ "พายุระดับ 1" ทวีกำลังแรงขึ้นเป็น "ดีเปรสชัน" จ่อขึ้นฝั่งเวียดนาม
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath