โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

บวงสรวงปิดถ้ำหลวง เชิญวิญญาณจ่าแซมสู่สุคติ จ่อยกระดับอุทยานฯ จี้มท.แจงย้ายผวจ.ณรงค์ศักดิ์

Khaosod

อัพเดต 17 ก.ค. 2561 เวลา 03.29 น. • เผยแพร่ 17 ก.ค. 2561 เวลา 03.28 น.
ถ้ำหลวง
บวงสรวงปิดถ้ำหลวง เชิญวิญญาณจ่าแซมสูสุคติ จ่อยกระดับขึ้นเป็นอุทยานฯ จี้มท.แจงย้ายผวจ.ณรงค์ศักดิ์

เชิญวิญญาณจ่าแซม สู่สุคติ บวงสรวงปิดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน พ่อแม่ทั้ง 13 ชีวิตทีมหมูป่าร่วมพิธี

แพทย์เผยอาการทั้งหมดดีขึ้น น่าจะกลับบ้านได้วันที่ 19 ก.ค. กรมอุทยานฯแถลงแผนฟื้นฟูถ้ำหลวง ยอมรับความเห็นยกระดับจากวนอุทยานขึ้นเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่ต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์จากคนในพื้นที่ก่อน ด้านเพื่อไทยจี้กระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีสั่งย้ายผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ หลังสื่อนอกแฉขัดแย้งเรื่องโรงขยะ 300 ล้านบาท สื่อนอกเผยขั้นตอนช่วย 13 ชีวิตพ้นถ้ำ ยันอยู่รอจนพ้นหน้าฝนไม่ได้ ตะลึงยุทธวิธีหน่วยซีล ไม่ปลอดภัยเพียงพอ

หวยออก มีเฮ รับทรัพย์กันเป็นแถว แห่ขอบคุณ ทีมหมูป่า ให้โชคตรงๆ

ห่วงโค้ชเอก ชาวเน็ต ซูมภาพที่คอ เห็นร่องรอยบาดแผลแบบนี้ หลังญาติทีมหมูป่าให้สัมภาษณ์

*รบ.เตรียมจัดงานเลี้ยงถ้ำหลวง *

เมื่อเวลา 10.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดโครงการจิตอาสาเพื่อการพัฒนาลำน้ำกับชีวิตบนวิถีแห่งความพอเพียงเพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชน ว่า สิ่งที่ตนอยากเน้นย้ำคือการบูรณาการร่วมกัน ไม่ว่าจะงานส่วนใด ถ้าทำงานแบบบูรณาการอย่างเช่นที่เราช่วยชีวิตน้อง 13 คนก็สำเร็จได้ทุกอย่าง ไม่ใช่ภาระของใคร รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุน ให้หน่วยงานในพื้นที่กับประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมทำงาน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณให้อยู่ในกรอบของแผนงาน ซึ่งเรื่องสายน้ำกับชีวิตเป็นเรื่องความร่วมมือของจิตอาสาขณะที่รัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณลงไปที่สำนักงานบริหารจัดการน้ำเพื่อดูในภาพรวมอีก หลายอย่างต้องสอดประสานกันไม่เช่นนั้นก็จะแตกลูกแตกหลานอีกเยอะ จะปฏิบัติลำบาก” นายกฯ กล่าว

ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงานขอบคุณเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานในการช่วยเหลือนักฟุตบอลและโค้ชทีมหมูป่า อะคาเดมี ออกจากถ้ำหลวงในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ว่า เรื่องนี้ต้องเสนอนายกฯ พิจารณาตัดสินใจว่าจะใช้สถานที่ใด เพราะมีหลายส่วนต้องดูความเหมาะสมด้วย บางคนอยู่ในพื้นที่ห่างไกลอาจไม่สะดวกในการเดินทาง อาจต้องกระจายไปที่อื่นด้วย ทั้งที่พื้นที่สัตหีบและภาคใต้ เพราะมีภาคประชาชนช่วยงานจำนวนมากโดยเฉพาะที่จ.เชียงราย

เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยจะมีการประกาศเกียรติคุณนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.พะเยา ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการค้นหาผู้สูญหายในถ้ำหลวงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานกำลังใจและคำชื่นชมถึงนายณรงค์ศักดิ์ ไปแล้ว ซึ่งทางกระทรวงรู้สึกภูมิใจในตัวของนายณรงค์ศักดิ์ด้วย

*รับไร้ประสบการณ์ดำน้ำ *

ผู้สื่อข่าวถามถึงการร่วมมือของประชาชนจิตอาสาในการช่วยฟื้นฟูพื้นที่ถ้ำหลวง รมว.มหาดไทยกล่าวว่า เป็นภาพที่ดีมากที่ทุกคนช่วยฟื้นฟู เพราะระยะเวลาที่มีคนเข้าไปในพื้นที่เกือบครึ่งเดือน จึงต้องปรับปรุงให้เข้าสู่สภาพเดิมซึ่งหลายส่วนทุกคนเข้าไปช่วยกันดี ขณะที่ส่วนราชการจะได้นำไปคิดต่อว่าจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคต เนื่องจากพื้นที่นี้น่าจะเป็นประวัติศาสตร์ต่อไป

เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยจะถอดบทเรียนเหตุการณ์ครั้งนี้ในการทำงานอย่างไร รมว.มหาดไทยกล่าวว่า อย่างที่เคยเรียนว่าในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนั้นมีกฎหมายอยู่แล้ว และในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ต้องมีการบูรณาการปฏิบัติการในหลายภาคส่วนอย่างมาก จึงต้องทำแผนเพื่อเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นนำไปศึกษาใช้แก้ปัญหา เพราะก่อนหน้านั้นมีแผนอุทกภัย สึนามิ แผ่นดินไหว แต่ยังไม่เคยมีแผนสาธารณภัยที่ติดในถ้ำ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ของไทยยังไม่มีประสบการณ์เรื่องการดำน้ำ ซึ่งมีเรื่องเทคนิคการทำงาน ที่ต่างออกไป จึงต้องถอดบทเรียนเพื่อให้ ท้องถิ่นต่างๆ นำไปใช้ประยุกต์ใช้ ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯจะนำไปใช้เป็นมาตรการในการกำกับดูแลถ้ำแห่งอื่น

*กรมอุทยานฯพร้อมฟื้นฟูถ้ำหลวง *

ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมแถลงข่าว โดยนายธัญญากล่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง กระทั่งสามารถนำทั้ง 13 ชีวิตออกมาได้อย่างปลอดภัยในวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา รวม 17 วัน มีเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ เข้าช่วยดำเนินการทั้งสิ้น 657 นาย ส่วนการฟื้นฟูถ้ำหลวง ขณะนี้ได้ร่างแผนการฟื้นฟูถ้ำหลวงและปรับภูมิทัศน์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งระยะเร่งด่วนที่ดำเนินการไปแล้ว และ แผนระยะยาวเตรียมเสนอต่อพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เพื่อพิจารณาและเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติม

นายธัญญากล่าวต่อว่า เบื้องต้นกรมอุทยานฯ สั่งปิดถ้ำหลวงโดยไม่มีกำหนดแล้ว แต่ขณะนี้ยังดำเนินการฟื้นฟูลำบาก เนื่องจากระดับน้ำในถ้ำยังสูงอยู่ ซึ่งภายในถ้ำยังมีถังออกซิเจน สายไฟจำนวนมากที่ยังเอาออกไม่ได้ การฟื้นฟูจึงยังระบุไม่ได้ว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงไหน แต่กรมอุทยานฯ จะดำเนินการอย่างเร่งด่วนที่สุด

อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ตนออกคำสั่งสำรวจ 169 ถ้ำที่อยู่ในพื้นที่อุทยานฯ และวนอุทยานทั่วทุกประเทศ ต่อไปต้องมีแผนผังถ้ำระบุอย่างชัดเจน การเข้าออกถ้ำหลวงต้องมีการลงทะเบียนนักท่องเที่ยวทุกครั้ง ส่วนการประกาศปิดถ้ำชั่วคราวในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนก.ค.-ก.ย. ของทุกปี แต่จากนี้การประกาศปิดอาจต้องนำข้อมูลของกรมอุตุนิยม วิทยาเข้ามาพิจารณาด้วย ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวควรศึกษาพยากรณ์อากาศก่อนการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน และในวันที่ 19 ก.ค. จะมีการเรียกประชุมหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มมาตรการการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวให้เข้มข้นมากขึ้น

*ประชาพิจารณ์ยกระดับเป็นอช. *

เมื่อถามว่าจะมีการยกระดับจากวนอุทยานเป็นอุทยานแห่งชาติหรือไม่ อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า การประกาศเป็นอุทยานแห่งชาตินั้นขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หลักสำคัญคือการทำประชาพิจารณ์ว่าเหมาะสมกับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติหรือไม่ เบื้องต้นกรมอุทยานฯ จะสำรวจพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อเร่งทำประชาพิจารณ์ต่อไป เพราะหากเรายกระดับเป็นอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม ฉะนั้น จะกระทบต่อวิถีชีวิตเดิมของชาวบ้าน แต่มองว่าจะเป็นผลดีมากกว่าเพราะจะทำให้คุณภาพชีวิตของชาวบ้านดีขึ้น ถ้ำหลวงจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ มีร้านค้า มีโฮมสเตย์เพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนระยะเวลาในการทำประชาพิจารณ์นั้นยังระบุไม่ได้ เพราะกรมอุทยานฯ จะต้องดำเนินการอย่างละเอียดรอบด้านที่สุด ซึ่งหากยกระดับเป็นอุทยานแห่งชาติก็จะได้รับงบดูแลรักษาตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 เพิ่มเติมมากขึ้น แต่ขณะนี้วนอุทยานถ้ำหลวงฯ ได้รับงบ 5 แสนบาทต่อปีเท่านั้น

*พท.จี้คลี่ปมเด้งณรงค์ศักดิ์ *

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีประเด็นที่นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.พะเยา อดีตผวจ.เชียงราย เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการต่อสู้กับความไม่ถูกต้องในการรักษางบประมาณแผ่นดินหลายโครงการตามที่เป็นข่าวไปทั่วประเทศ แม้กระทั่งสื่อต่างประเทศ (ซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์ ออสเตรเลีย) ก็นำไปเผยแพร่ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้นายณรงค์ศักดิ์ถูกย้ายไปจ.พะเยา ซึ่งนั่นเป็นข้อสงสัย

นายชวลิตกล่าวอีกว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันรัฐบาลและป.ป.ช.ควรทำให้สังคมคลายข้อสงสัยว่า ถ้ารัฐบาล และป.ป.ช.มุ่งมั่นกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง ก็ควรเร่งตรวจสอบโครงการกว่า 20 โครงการที่นายณรงค์ศักดิ์ไม่ยอมเซ็นว่ามีความบกพร่อง ส่อไปในทางว่าจะมีการทุจริตหรือไม่ ถ้าตรวจสอบโครงการต่างๆ แล้วพบว่าส่อไปในทางทุจริต ผู้เสนอโครงการและผ่านโครงการมาตามลำดับชั้นก่อนที่จะถึงนายณรงค์ศักดิ์ ก็น่าจะมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่ เพราะความผิดสำเร็จแล้วหรือไม่ แม้นายณรงค์ศักดิ์จะยังไม่ยอมลงนามเห็นชอบโครงการก็ตาม หากคิดจะปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง ตีเหล็กก็ต้องตีตอนกำลังร้อน เรื่องนี้ก็จะเป็นบทพิสูจน์อีกเรื่องหนึ่งว่าการปราบปรามการทุจริตในรัฐบาลนี้มีมาตรฐานหรือไม่ ลูบหน้าปะจมูกหรือไม่ และถ้าดำเนินการอย่างไรแล้วควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบโดยเร็ว

*หมอภาคย์ชื่นชม 13 หมูป่า *

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ภารกิจกู้ภัยช่วย 13 ชีวิต หมูป่า อะคาเดมี มีเจ้าหน้าที่ภาครัฐและอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยในพื้นที่จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะ “หมอภาคย์”พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา ถือเป็นฮีโร่ เนื่องจากมีส่วนสำคัญทั้งวางแผนและดำน้ำเข้าไปอยู่กินและลำเลียงออกมา ได้สร้างปรากฏการณ์กระแสของชาวโคราชที่ติดตามข่าวสารมาอย่างต่อเนื่อง ได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมต้อนรับและเชิดชูคุณงามความดี เพื่อให้เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมไทย เบื้องต้นได้กำหนดจัดกิจกรรมที่ลานอนุสาวรีย์สุรนารี(ย่าโม) นครราชสีมา ซึ่งย่าโมถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญและเป็นวีรสตรีชาวไทย โดยจัดขบวนต้อนรับเหล่าฮีโร่และแห่ขบวนไปยังจุดต่างๆ ในเมืองโคราช เพื่อให้ประชาชนได้มอบดอกไม้ให้กำลังใจและชื่นชมการปฏิบัติงาน เป็นการสร้างขวัญกำลังใจและยกย่องผู้ที่ทำความดี เป็นแบบอย่างที่ดี ล่าสุดอยู่ระหว่างติดต่อประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่จะกำหนดวันเวลาอีกครั้ง ซึ่งต้องรอ พ.ท.นพ.ภาคย์ ขณะนี้กำลังฟื้นฟูสภาพร่างกายตามหลักวิชาการแพทย์ จึงไม่สามารถระบุได้ อย่างไรก็ตามทุกภาคส่วนจะจัดประชุมหารือและแจ้งกำหนดการอีกครั้งในเร็วๆ นี้ เพื่อให้กิจกรรมมีความเหมาะสมและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งต้องสมเกียรติที่สุด

พ.ท.นพ.ภาคย์โพสต์ข้อความระหว่างเข้าไปเยี่ยมทีมหมูป่าที่พักรักษาตัวในร.พ.เชียงรายประชานุเคราะห์ว่า “เจอกันที่โคราชนะ สิ่งที่ผมประทับใจเด็กๆ ทีมหมูป่า ความสดใสซื่อเดียงสา มองโลกในแง่ดี มีขวัญ&กำลังใจดีเยี่ยม แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อม/สถานการณ์วิกฤต ทุกวันเด็กๆ จะไปขุดโพรงหาทางออกโดยใช้เศษหิน (ได้ลึกถึง 5 เมตรเลย) ทั้งๆ ที่ไม่ได้กินข้าวกัน

มีวินัย…รวบรวมเศษขยะ หลังกินแต่ละมื้อ ทิ้งลงถุงดำ โค้ชเอกสอนเด็กๆ เสมอว่าไม่ให้เก็บสิ่งของจากในถ้ำเอากลับไปเป็นของตนเอง…ซึ่งเด็กๆ ทุกคนก็เชื่อฟังและปฏิบัติตามเป็นอย่างดี

โค้ชเอก จิตใจดีงาม เป็นผู้เสียสละอย่างแท้จริง ผมแอบสังเกตตั้งแต่วันแรก เอกจะให้เด็กๆอิ่มก่อนโดยแบ่งอาหารในส่วนของตนให้เด็กๆ ผมมั่นใจในการดูแลเอาใจใส่เด็กๆ อย่างดีก่อนที่ทีมจะมาพบเด็กๆ เพราะสุขภาพกาย&ใจ ของเด็กๆ ทุกๆ คน ดีกว่าที่ผมคาดการณ์ไว้มากทีเดียว??

เด็กๆ ทีมหมูป่าทุกคนทราบถึงความเสียสละของทุกคนในการค้นหาพวกเค้า และผมมีความมั่นใจว่าเด็กๆ หมูป่าจะเติบโต เป็นบุคลากรที่ยอดเยี่ยมของประเทศ ทำคุณประโยชน์ และชื่อเสียงให้ประเทศไทยในอนาคตต่อไป”

*เด็กกลับบ้านได้ 19 ก.ค. *

นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า รับรายงานจากนพ.ไชยเวช ธนไพศาล ผอ.โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ว่านักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีและโค้ชได้รับการดูแลรักษาจากทีมแพทย์ จิตแพทย์ พยาบาล สหวิชาชีพของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ขณะนี้ทุกคนสุขภาพร่างกายดีขึ้น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-3 กิโลกรัม อยู่ในช่วงการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจ โดยทำกิจกรรมกลุ่มตามกระบวนการทางจิตวิทยา อาทิ การสำรวจความรู้สึกภายใน การจัดการกับความรู้สึก การสร้างความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหา เพื่อให้ทุกคนมีสภาพจิตใจพร้อมที่ จะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติหลังออกจาก โรงพยาบาล ซึ่งคาดว่าวันที่ 19 ก.ค.

อาการล่าสุดเช้าวันนี้ กลุ่มที่ 1 จำนวน 4 คน เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. 2561 อาการทั่วไปปกติ ให้ยาปฏิชีวนะครบ 7 วันแล้ว กลุ่มที่ 2 จำนวน 4 คน เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. 2561 อาการทั่วไปปกติ รับประทานอาหารปกติ ผลเอกซเรย์ปอดปกติทุกคน ให้ยาปฏิชีวนะครบ 7 วันแล้ว และกลุ่มที่ 3 จำนวน 5 คน เข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 2561 อาการทั่วไปปกติ รอให้ยาปฏิชีวนะครบ 7 วัน

นพ.เจษฎากล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดูแลต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาลได้ให้โรงพยาบาลแม่สาย และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่อำเภอแม่สาย ร่วมกันดูแลทั้งด้านสุขภาพกายและจิตใจ ร่วมกับทีมหมอครอบครัวและครูในโรงเรียนที่น้องๆ นักฟุตบอลเรียนอยู่ โดยมีสมุดคู่มือสุขภาพ ให้คำแนะนำด้านโภชนาการ การดูแลสุขภาพ และการติดตามน้ำหนักตัว ซึ่งได้ประสานงานกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในการติดตามผลในระบบโรงเรียนแล้ว

*บวงสรวงถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน *

ที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อาจารย์นิพนธ์ อ้านชัย ผู้ทรงคุณวุฒิแนวทางปฏิบัติของสังคมด้านประเพณีและวัฒนธรรมความเชื่อ จ.เชียงราย ได้เดินทางมาเตรียมพิธีการขอขมาเจ้าแม่นางนอน โดยมีการเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ อาทิ หัวหมู ไก่ ปลาช่อน ปู ไข่ต้ม และของหวาน ขนมไทย น้ำหวาน รวมถึงผลไม้จำนวนมาก

อาจารย์นิพนธ์กล่าวว่า เป็นการเตรียมเครื่องไหว้บวงสรวง เครื่องเซ่นทั้งคาวและหวาน รวมทั้งผลไม้ และเตรียมธูปเทียน 13 ดอก หลังจากนั้นจะทำพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพไทเทวา เจ้าป่าเจ้าเขา ตลอดจนถึงพระวิญญาณของกษัตรามหาเจ้าทุกพระองค์ สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

อาจารย์นิพนธ์กล่าวต่อว่า ซึ่งเป็นการคารวะขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เป็นการขอขมาให้ไม่เป็นเวรกรรมต่อกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการใช้สถานที่แห่งนี้ปฏิบัติงานในการให้ความช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่า อะคาเดมี ซึ่งอาจจะมีการกระทบกระทั่ง ล่วงเกิน หรือหลบหลู่โดยไม่มีเจตนา ซึ่งเป็นการทำพิธีแบบฉบับล้านนา โดยทุกอย่างที่นำมาถวายในวันนี้มีความหมาย

อาจารย์นิพนธ์กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะมีพิธีบายศรี โดยจะมีบายศรีพญานาค บายศรีเทพ บายศรีพรหม ซึ่งเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง และปฏิบัติตามความเชื่อ และการเชิญวิญญาณทหารที่เป็นบรรพบุรุษมารับส่วนบุญส่วนกุศล เป็นความเชื่อทางภาคเหนือ ว่าถ้าหากเชิญมาแล้ว ดวงวิญญาณของทหาร หรือเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิต จะมารับส่วนบุญส่วนกุศลด้วย นอกจากนี้จะมีการฟ้อนอวยพรขันดอกและกองสะบัดชัย เพื่อแก้บน ที่หมูป่าทั้ง 13 ชีวิตปลอดภัย

*เชิญดวงวิญญาณจ่าแซม *

เมื่อเวลา 15.00 น. นายประพันธ์ คำจ้อย ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย นำรูปปั้นพญานาค 2 รูป ถวายแก่ศาลเจ้าแม่นางนอนด้วย ในอนาคตอาจจะปรับปรุงให้ใหญ่กว่าเดิม และนิมนต์พระสงฆ์กว่า 200 รูป จาก 18 อำเภอ มาร่วมพิธีสวดถอน และสวดทำพิธีปิดปากถ้ำ ตามความเชื่อของชาวล้านนา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในการทำพิธี

นายประพันธ์กล่าวว่า ช่วงเย็นของวันนี้จะนิมนต์พระสงฆ์จากวัดต่างๆ กว่า 200 รูป จาก 18 อำเภอ นำสวดโดยพระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอแม่สาย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยตุง และรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ เป็นพระสงฆ์ผู้นำเพื่อมาทำพิธีสวดถอน ซึ่งเป็นพิธีตามความเชื่อของชาวล้านนา ว่า การสวดถอน เป็นการสวดเชิญดวงวิญญาณ น.ต.สมาน กุนัน หรือ จ่าแซม วีรบุรุษถ้ำหลวง ให้ไปสู่สุคติอย่าได้เป็นวิญญาณสัมภเวสี ให้ไปรับบุญกุศลที่ทางญาติพี่น้องทำบุญให้ รวมไปถึงวิญญาณดวงอื่นๆ ที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยในพิธีนี้มีทางครอบครัว ญาติพี่น้องของทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต เข้าร่วมพิธีด้วย ซึ่งหลังจากทำพิธีเสร็จแล้ว ทางครอบครัวของทีมหมูป่าทั้ง 13 คน นำกรวยดอกไม้พร้อม ธูปเทียน มาไหว้พระสงฆ์ 13 รูป หลังจากนั้น จึงกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับวิญญาณของ น.ต.สมาน

หลังจากทำพิธีเสร็จ พระรัตนมุนี รักษาการเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พูดคุยกับทางครอบครัวของทีมหมูป่า ทั้ง 13 คน ว่า หากผู้ปกครองและทีมหมูป่า มีความประสงฆ์ที่จะบวช ทางคณะสงฆ์ในจังหวัดเชียงราย จะเป็นผู้ดูแล เรื่องการบวช จะมีการดูแลหลักสูตรการบวชว่าจะต้องดำเนินการไปในแนวทางเดียวกัน แม้ทางทีมหมูป่าบางรายจะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ ก็สามารถบวชได้ อยู่ที่จิตใจของน้องๆ หากน้องๆ ประสงค์จะบวช ก็สามารถบวชได้ โดยภายหลังจากที่ทีมหมูป่าทั้ง 13 คน ออกจากโรงพยาบาล ทางคณะสงฆ์ จะมีการปรึกษาเรื่องของวันบวชอีกครั้ง

*พะเยาต้อนรับผวจ.ใหม่ *

เมื่อเวลา 14.20 น. ที่หน้าศาลากลางจังหวัดพะเยา ภายในศูนย์ราชการจังหวัดพะเยา มีประชาชน ข้าราชการ และผู้แทนท้องถิ่น เริ่มทยอยเดินทางมาเพื่อรอต้อนรับนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.พะเยา คนใหม่

ต่อมาเวลา 16.01 น. นายณรงค์ศักดิ์เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดพะเยา ทำพิธีเปิดกรวยแสดงความเคารพเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ จากนั้นนายณรงค์ศักดิ์และนางจิณจณา โอสถธนากร ภรรยา ลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อเสร็จแล้วจึงได้เดินขึ้นไปชั้น 2 เพื่อไปที่ห้องทำงานลงนามในหนังสือปฏิบัติหน้าที่

นายณรงค์ศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ตนตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยมที่จะเข้ามาพัฒนาจังหวัดพะเยาอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ทราบว่าพี่น้องประชาชนชาวพะเยาคาดหวังกับตนเองเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้ตนต้องแบกความคาดหวังของชาวพะเยาไว้จนล้นบ่า และขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องความกังวลของประชาชนห่วงว่าตนจะอยู่พะเยาได้ไม่นานนั้น ตรงนี้เป็นเรื่องของแต่ละคนจะคิด เมื่อครั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายก็ทำงานอย่างเต็มที่ ขณะนี้ย้ายมาอยู่พะเยาก็จะขอทำงานพัฒนาจังหวัดพะเยาอย่างเต็มที่เช่นกัน

ผวจ.พะเยากล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการพัฒนาจังหวัดพะเยาที่ได้ตั้งใจไว้คือ การพัฒนากว๊านพะเยา ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มาดูบรรยากาศพระอาทิตย์ตกริมกว๊านพะเยา อาหารต่างๆ รอบกว๊านให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชิม อยากทำให้กว๊านพะเยาเก็บน้ำได้มากขึ้น เมื่อมีน้ำมากขึ้นเราก็อยากให้มีการต่อยอดเรื่องการทำเกษตรอินทรีย์ เรื่องด่านบ้านฮวกที่จะต้องเปิดขึ้น จะทำให้สามารถเชื่อมกับ สปป.ลาว ได้ เพราะตั้งใจจริงๆ คือ ต้องการเปิดด่านบ้านฮวกเป็นด่านถาวรให้ได้

*สื่อนอกเผยขั้นตอนช่วยเด็ก *

ขณะที่เดลี่เมล์รายงานคำให้สัมภาษณ์ของนายเจสัน เมลลินสัน นักดำน้ำวัย 50 ปี และนายคริส จีเวลล์ วัย 35 ปี เพื่อนร่วมทีมดำน้ำชาวอังกฤษ ถึงเบื้องหลังการช่วยชีวิตทีมหมูป่า ว่าตอนที่พวกตนจะพาทีมหมูป่าออก ได้บอกเจ้าหน้าที่ว่ามีโอกาสไม่น้อยที่สมาชิกหมูป่าบางคนอาจไม่รอด เพราะประเมินจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นพายุฝนที่คอยซ้ำกระหน่ำให้น้ำในถ้ำสูงขึ้น และสภาพของเด็กๆที่อิดโรยลงทุกวัน รวมไปถึงระดับออกซิเจนในถ้ำที่ลดลง

นายเจสันและนายคริส เปิดเผยว่าปฏิบัติการครั้งนี้เกือบกลายเป็นหายนะ แม้ว่าจะมีการวางแผนอย่างรอบคอบแล้วก็ตาม พร้อมกันนี้ยังได้ไปพูดกับฝ่ายไทยโดยตรงว่าเดิมที่มีแผนทิ้งเด็กไว้ในถ้ำจนกว่าจะพ้นระยะฤดูฝน จะทำเหยื่อคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต ส่วนความพยายามที่จะวางท่อส่งออกซิเจนเข้าไปที่ยังทำไม่สำเร็จ ยิ่งทำให้ปฏิบัติการดำน้ำกู้ชีพยากขึ้นไปอีก ในช่วงจังหวะหนึ่ง คริสกำลังช่วยเหลือนำส่งเด็กชายคนหนึ่ง เด็กเกิดหลุดมือจากเชือกนำทาง จนพยายามหากันท่ามกลางความมืด และความหวาดกลัวอย่างที่สุด แต่ไม่มีใครในทีมหมูป่าแสดงอาการวิตกกังวล

*ชี้ยุทธวิธีซีลผิดพลาด *

นักดำน้ำชาวอังกฤษกล่าวด้วยว่า ระเบียบและอุปกรณ์สวมใส่ของนาวิกโยธินไทยผิดพลาดอย่างสิ้นเชิงสำหรับการดำน้ำในถ้ำ กระทั่งเกิดกรณีการเสียชีวิตของหนึ่งในทีมงาน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตระหนักว่าน้ำลึกจนยืนไม่พ้นและต้องระมัดระวังในภารกิจอย่างยิ่งยวด

สำหรับสองนักดำน้ำนี้เดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือทีมหมูป่าครั้งแรกในวันที่ 2 ก.ค. และพยายามทำความคุ้นเคยกับสภาพของถ้ำ รวมไปถึงศึกษาส่วนต่างๆ ของถ้ำที่อาจสร้างปัญหาให้กับการนำตัวเด็กออกมา ส่วนระหว่างที่การนำตัวทีมหมูป่าออกมา ปัญหาเรื่องภาษาไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ซึ่งนายเจสันเล่าว่าส่วนใหญ่แล้วตนจะพูดปลอบให้เด็กใจเย็นลง ลดความตื่นเต้น และมักจะพูดคำว่า โอเค กับเด็กๆ

“การนำตัวทีมหมูป่าออกมา เราทำได้แค่หนึ่งครั้งต่อหนึ่งคน เราต้องพาเด็กไปตามที่ยากลำบาก บางครั้งก็ต้องลอดลงใต้ขาของพวกเราด้วย งานนี้เป็นงานใหญ่เพราะต้องรับผิดชอบต่อชีวิต ทำงานอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะกับเด็กที่ยังมีอายุน้อย”

นายเจสัน ทำงานรับจ้างในโรงไฟฟ้าเมืองสกันธอร์ป ของอังกฤษ และหนึ่งในหน้าที่ของนายเจสัน ที่ต้องใช้ทักษะเป็นพิเศษคือการทำความสะอาดปล่องปล่อยควันหล่อเย็นของโรงงานไฟฟ้า นอกจากนี้นายเจสันยังมีประสบการณ์ดำน้ำในถ้ำมาแล้วกว่า 30 ปี และยังเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่ถูกระบุชื่ออยู่ในบัญชีผู้เชี่ยวชาญการดำน้ำในถ้ำของสภาการกู้ชีพในถ้ำของอังกฤษอีกด้วย โดยทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญอีก 2 คนคือนายริก สแตนตัน และนายจอห์น โวแลนธีน อีกด้วย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0