บล.บัวหลวงแนะหุ้นขนาดกลางที่ได้อานิสงส์จากนโยบายรัฐ กลุ่มอาหาร-กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่กลุ่มสื่อเริ่มน่าสนใจหลังราคาร่งหนักมานานจากทีวีดิจิทัล พร้อมแนะเลี่ยงกลุ่มส่งออก จับตาประชุมกนง. 26 มิ.ยนี้ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ
ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,716.00 จุด ลดลง 1.14 จุด หรือ 0.07% มูลค่าการซื้อขาย 51,907.48 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่่อเนื่อง 4,064.48 ล้านบาท
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวิจัย บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง กล่าวใน Money2Know FB Live ว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวน หรือ คงตัวอยู่ในกรอบเดิม โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม คือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะเกิดขึ้น 26 มิ.ย. 62 นี้ ซึ่งคาดว่าจะคงดอกเบี้ย 1.75% ซึ่งในส่วนนี้เองอาจจะไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นหรือว่าน่าประหลาดใจ และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจลงจากนี้ต่อไปหรือไม่
ขณะที่ในส่วนของตัวเลขส่งออก ที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ก็ผิดคาดไป ซึ่งในตัวเลขที่ติดลบไป 5 % กว่านั้น จะมีความเสี่ยงในเรื่องของการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ลง ซึ่งในส่วนนี้คิดว่าน่าจะเป็นความเสี่ยงที่ต้องรอดูว่าการประชุมกนง.ออกมาแล้วจะมีการส่งสัญญาณอย่างไรเกี่ยวกับการปรับเป้าเศรษฐกิจของไทยลง
อย่างไรก็ตามในกลุ่มของตัวหุ้นที่เป็นส่งออกยังไม่แนะนำให้ซื้อ
สำหรับหุ้นในกลุ่มพลังงานเห็นได้ชัดเจน คือโรงกลั่น
1.TOP บวกไปประมาณ 3%กว่า
2.Esso บวก 4%
3.SPRC บวก 4%
สาเหตุหลักเป็นการเล่นตามกระแสข่าวเรื่องตัวโรงกลั่นที่สหรัฐอเมริกาที่มีอุบติเหตุเกิดขึ้น ทำให้กำลังการผลิตหายไป
ส่วนหุ้นที่แนะนำ ในกลุ่มไซส์กลาง มีดังนี้
1.กลุ่มอาหาร คือ CPF ซึ่งจะได้ประโยชน์จากไก่ ในเรื่องของตัวราคาถือว่าทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ เนื้อสุกร หรือ ราคาหมู ซึ่งปัจจุบันมีโรคระบาดทำให้ซับพลายในตลาดลดลง
2. กลุ่มด้านอุปโภคบริโภค จะได้ประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่มอุปโภคบริโภคที่รัฐบาลได้เคยหาเสียงเอาไว้ เช่น COM-7 , J-Mart เนื่องจากออนไลน์โลจิสติกส์ขยายตัวมา และในอนาคต ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จะได้ประโยชน์ เพราะใช้เครื่องมือเหล่านี้รองรับเทคโนโลยี
3. กลุ่ม Media ซึ่งได้ประโยชน์จากการคืนใบอนุญาต ถึงแม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าสื่ออยู่ในช่วงขาลง แต่มุมกลับกัน เป็นวิกฤติที่เกิดขึ้น และเป็นโอกาสในการลงทุน เพราะรัฐบาลได้เยียวยาแล้ว โดยการงดเก็บเงิน 2 งวดสุดท้าย คาดการณ์ว่าประมาณเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม เห็นโอกาสกลุ่มทีวีดิจิตอล หลังจากที่ราคาหุ้นธุรกิจปรับตัวลงมาพอสมควร ซึ่งน่าจะเห็นการฟื้นตัวหลังจากนี้ไป เพราะการที่ภาครัฐเยียวยาทำให้กลุ่มสื่อปรับตัวในการประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น เช่น การปรับลดพนักงาน ซึ่งมองการลงทุนกับธุรกิจที่ผ่านพ้นวิกฤติไปแล้ว โดยภาพรวมถือว่าเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะจะมีการปรับตัวไปจนถึงปีหน้า
