โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

บลจ.ไทยพาณิชย์เปิดตัว3กองทุนใหม่

Money2Know

เผยแพร่ 17 ก.ค. 2562 เวลา 11.55 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
บลจ.ไทยพาณิชย์เปิดตัว3กองทุนใหม่

บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดตัว 3 กองทุน SCB Mixed Fund Series จัดพอร์ตสินทรัพย์หลากหลาย ชูจุดเด่นลงทุนง่าย สร้างโอกาสรับผลตอบแทนชัดเจนทุกสภาวะตลาด

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวกองทุนใหม่ SCB Mixed Fund Series ซึ่งเป็นกองทุนจัดสรรสินทรัพย์ที่มีเป้าหมายเป็นอัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นดัชนีชี้วัดที่ชัดเจน

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มิกซ์ มายด์ (SCB Mixed – Mild Fund) มีอัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นดัชนีชี้วัดประมาณ 4%

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มิกซ์ คลาสสิค (SCB Mixed - Classic Fund) มีอัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นดัชนีชี้วัดประมาณ 6%

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มิกซ์ สไปซี่ (SCB Mixed - Spicy Fund) มีอัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นดัชนีชี้วัดประมาณ 8% โดยอัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นดัชนีชี้วัด เป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี

สำหรับระยะเวลาการลงทุนตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ด้วยมูลค่ากองทุนละ 5,000 ล้านบาท เปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้-22 กรกฎาคม 2562 นี้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท

ทั้ง 3 กองทุนจะกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ สินทรัพย์ทางเลือกทั้งในและต่างประเทศ และการบริหารการลงทุนที่มีกำหนดเป้าหมายอัตราผลตอบแทนเช่นนี้ ทำให้ผู้ลงทุนสามารถคาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุนได้ชัดเจนขึ้นในทุกสภาวะตลาด

ทั้งนี้แต่ละกองทุนจะแบ่งสัดส่วนการลงทุนที่แตกต่างกัน โดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์มิกซ์ มายด์ จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย เช่น ไม่เกิน 50 %ของ NAV กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มิกซ์ คลาสสิค จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในสัดส่วนปานกลาง เช่น ไม่เกิน 80 %ของ NAV และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์มิกซ์ สไปซี่ จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในสัดส่วนสูง เช่น มากกว่า 80 %ของ NAV

กลุ่มกองทุนที่คาดว่าผู้จัดการกองทุนจะเลือกลงทุน ประกอบด้วย กองทุนหุ้นไทย ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET50 INDEX (SCBSET50)กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ซีเล็คท์ อิควิตี้ ฟันด์ (SCBSE) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุน Mid/Small Cap (SCBMSE) กองทุนหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ บิลเลียนแนร์ (SCBBLN) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยุโรปสมอลแคป (SCBEUSM) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นโกลบอลเฮลธ์แคร์ (SCBGHC)กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นญี่ปุ่น (SCBNK225) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (SCBS&P500) กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ พลัส (SCBFP) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลสตราทีจิก อินเวสเมนท์ (SCBGSIP) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่(SCBEMBOND)และกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล (SCBPINA) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ (SCBGOLDH)

“คอนเซปต์การลงทุนกองทุน SCB Mixed Fund Series เป็นมุมมองการลงทุนในระยะยาวสำหรับแผนการจัดสรรสินทรัพย์ลงทุน ในทุกสัปดาห์ผู้จัดการกองทุนจะติดตามและปรับสัดส่วนการลงทุนระยะสั้น โดยมีกระบวนการเริ่มต้นจากมุมมองมหภาคและโมเดลการลงทุน มีประมาณการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุน การเลือกลงทุนในแต่ละประเภทสินทรัพย์ผ่านกองทุน บลจ.ไทยพาณชิย์ และปรับสัดส่วนการลงทุนในรายประเทศ รายอุตสาหกรรมรวมถึงธีมการลงทุน ตรวจสอบและติดตามผลการลงทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีช่วงระยะเวลาการลงทุนที่แนะนำ 3 ปีขึ้นไป”

บลจ.ไทยพาณิชย์มองสถานการณ์การลงทุนช่วงครึ่งปีหลังว่า ประเด็นสงครามการค้ายังไม่จบง่ายๆ และจะกลายเป็นสงครามแย่งความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีถึงแม้สหรัฐอเมริกา-จีน จะเจรจาจบไปแล้วในการประชุมG20 เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่แนวโน้มการแข่งเทคโนโลยียังดำเนินต่อ และทำให้ประเทศต่างๆ อาจต้องเลือกข้างว่าจะใช้เทคโนโลยีค่ายไหนระหว่าง สหรัฐฯ-จีน ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจโลกจะเติบโตในอัตราชะลอลง เริ่มจากประเทศเศรษฐกิจหลักๆ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน

อย่างไรก็ตามการชะลอไม่ใด้แปลว่าจะเกิดวิกฤติ เพราะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เห็นควรให้สนับสนุนมากขึ้นต่อนโยบายการเงินผ่อนคลาย โดยมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. นี้

นอกจากนี้ตลาดยังมองว่าปีนี้อาจลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง และอาจมีครั้งที่ 3 ในต้นปีหน้าหากเศรษฐกิจต้องการความช่วยเหลือ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปกำลังจะได้ผู้นำคนใหม่ คริสติน ลาการ์ด ซึ่งน่าจะดำเนินการนโยบายผ่อนคลายตามที่มาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรปส่งสัญญาณไว้ ส่วนธนาคารกลางจีนพร้อมกระตุ้นด้วยนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายด้วยเช่นกัน เช่นการลดอัตราส่วนสำรองขั้นต่ำของภาคธนาคาร

สำหรับประเทศไทยนั้นต้องอาศัยการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เพื่อสู้กับการชะลอของการส่งออกที่หดตัวตามเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า ซึ่งเศรษฐกิจโลกจะทำให้การส่งออกหดตัวรวมถึงภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอาจล่าช้าออกไปในช่วงแรก จากการเปลี่ยนรัฐบาลเป็นผลจากการจัดทำงบประมาณประจำปี 2563 ล่าช้า

 

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0