โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

บทสรุปครึ่งทางแรก “ไทยลีก 2019”

ขอบสนาม

อัพเดต 15 ก.พ. 2561 เวลา 03.21 น. • เผยแพร่ 24 มิ.ย. 2562 เวลา 08.43 น. • ขอบสนาม
บทสรุปครึ่งทางแรก “ไทยลีก 2019”

ฟุตบอล “ไทยลีก 2019” เตะผ่านพ้นครึ่งทางแรกของฤดูกาลไปแล้ว จาก 15 นัดในเลกแรกต้องบอกว่ามีหลากหลายรสชาติเลยทีเดียว

“แชมป์เลกแรก” กลายเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมแชมป์เก่าและอดีตแชมป์ 6 สมัยที่แรงปลายแซงเข้าป้ายยึด “จ่าฝูง” ด้วยผลงานเก็บไป 32 คะแนน

ดูแล้วฤดูกาลนี้คงเป็นอีกปีที่พลพรรค “ปราสาทสายฟ้า” ได้ลุ้นยาวๆ แม้การขาด ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ไปจะส่งผลในช่วงแรก แต่ตอนนี้ทีมยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ทุกรายการ

ที่น่าสนใจคือทีมพวก“ผู้ท้าชิง” ที่เริ่มสนุกเข้มข้น จบเลกแรกมีถึง 3 ทีมที่มี 28 คะแนนเท่ากันตามหลังมาที่อันดับ 2-4

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ใครหลายคนเกือบกาชื่อทิ้งไปแล้วพร้อมๆกับลุ้นว่า “มาโน่” จะอยู่รอดจนจบฤดูกาลหรือไม่กลายเป็นทีมที่ทะยานมารั้ง“รองจ่าฝูง” หน้าตาเฉย

ต้นฤดูกาล “แข้งเทพ” ฟอร์มไม่ดีเอาเสียเลย แต่พอติดเครื่องได้ก็หยุดลำบาก ล่าสุดชนะ 4 นัดติดในลีกไล่จี้ “จ่าฝูง” ห่างอยู่ 4 คะแนน หากเลกสองเสริมตัวดีๆไม่แน่อาจลุ้นยาวๆ

ส่วนทีมเก่าแก่ที่สุดในลีกอย่าง การท่าเรือ คงจะพลาดอีกไม่ได้แล้วในเลกสองหลัง 5 นัดหลังสุดชนะไปแค่เกมเดียว แพ้ใน 2 เกมล่าสุดอีกต่างหากจึงตกจาก “จ่าฝูง” ไปอยู่อันดับ 3

นี่คือฤดูกาลที่ “สิงห์เจ้าท่า” มีโอกาสลุ้นมากที่สุดแล้ว ฟอร์มถือว่าโหดแต่ไม่สม่ำเสมอ น่าสนใจตรงตัวใหม่ที่เสริมในเลกสอง หากจูนกันได้ก็ลุ้นยาวๆ แต่ถ้าทีมเสียสมดุลย์ก็น้ำตาตก

ทีมที่น่าสนใจสุดบนหัวตารางคะแนนคือ สมุทรปราการ ซิตี้ ที่แม้จะเปลี่ยนโค้ชไปแล้ว 1 ครั้ง แต่ศักยภาพทีมไม่ตก นักเตะพลังหนุ่มหลายคนเล่นได้ดีมากๆ จนพาทีมอยู่อันดับ 4

ต้องชื่นชม “โค้ชอั๋น”สุรพงษ์ คงเทพ ที่วางระบบไว้ดี พอ เทตซึยะ มูระยะมะ มาทำต่อก็ยังไม่เห็นปัญหาอะไร หากยืนระยะได้ปีนี้น่าจะผลงานดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร

ดูจากผลงานครึ่งทางแรกการลุ้นแชมป์ของฤดูกาลคงหนีไม่พ้น “ท็อปโฟร์” ทั้ง 4 ทีมนี้ เพราะทีมอื่นๆ โอกาสสอดแทรกขึ้นมาคงไม่ง่าย

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด อยู่อันดับ 5 มี 26 คะแนนคงได้ลุ้นเต็มที่ตรงตำแหน่ง 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 แล้วไปลุ้นหนักๆ ที่“บอลถ้วย” อย่างที่ทำผลงานได้ดีในฤดูกาลที่แล้ว

ทีมที่จัดว่าเด็ดที่สุดอีกทีมในเลกแรกคือตราด น้องใหม่ที่ขึ้นมาเล่นบนลีกสุงสุดครั้งแรก แต่ฟอร์มการเล่นและผลงานไม่ธรรมดาเลยอยู่ในอันดับที่ 6 เก็บไปแล้ว 23 คะแนน

แนวรุก 3 ประสาน “ช้างขาวเจ้าเกาะ” ทั้ง ลอนซานนา ดูมบูญา, ดียุฟ บีรัม และ กาฟาร์ ดูโรซินมี คือสูตรผสมที่ “โค้ชยง” พยงค์ ขุนเณร ผสานได้อย่างลงตัวจนฟอร์มแรงมากๆ

ทุกๆ ปีจะมีน้องใหม่ที่ฟอร์มแรงจนกระโดดไปอยู่บนหัวตารางคะแนน แน่นอนว่าปีนี้ ตราด คงต้องเป็นทีมนั้นแน่ๆ ถ้าเลกสองไม่มีเหตุ“ดราม่า” อะไรให้แฟนบอลงงงวยกันอีก

ขณะที่ทีมกลางตารางอย่าง นครราชสีมา มาสด้า และ พีที ประจวบ อยู่อันดับ 7-8 ตามลำดับด้วยการมี 21 คะแนนเท่ากันถือว่าชิลๆ มาตรฐานประมาณนี้อยู่แล้ว

แต่ที่ต้องลุ้นตรงท้ายตารางคะแนนที่ต้องมีทีมตกชั้น 3 ทีมต้องไล่อันดับไปยาวๆ ตั้งแต่อันดับ 9-16 เพราะคะแนนห่างกันไม่มาก

สุโขทัย กลายเป็น “ทีมจอมเสมอ” สถิติเจ๊ามากที่สุดถึง 9 เกมอยู่อันดับ 9 มี 18 คะแนนเท่า ชลบุรี ที่เปลี่ยนโค้ชไปแล้ว 1 คนได้ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ เข้ามาทำทีม

อันดับ 11-13 ก่อนถึงโซนตกชั้นมี 16 คะแนนเท่ากัน 3 ทีม ราชบุรี มิตรผล ที่ใช้โค้ชไปแล้ว 3 คนตั้งแต่ยังไม่เปิดฤดูกาล แต่ฟอร์ม 3 วันดี 4 วันไข้อยู่อันดับ 11

ชัยนาท ฮอร์นบิล เป็นอีกทีมที่หามาตรฐานไม่เจอ ชนะและแพ้ได้ทุกทีมอยู่อันดับ 12 ส่วนพีทีที ระยอง แชมป์จากไทยลีก 2 จบที่อันดับ 13 แบบไม่น่าแปลกใจอะไร

สำหรับในโซนตกชั้นเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก 4 สมัยดันร่วงมาอยู่ด้วย แบบว่าเคยตกไปรั้งบ๊วยมาแล้วทำให้ปีนี้ใช้โค้ชเปลืองไปแล้วถึง 3 ราย

แต่ล่าสุดทิศทางของ “กิเลนผยอง” น่าจะดีขึ้นหลังได้ อเลกซานเดร กาม่า ที่ยกเลิกสัญญากับทีมชาติไทยชุดยู-23 กลางคันเข้ามากู้วิกฤตของทีมให้หนีบ๊วยมาอันดับ 14

ตำแหน่ง“รองบ๊วย” เป็นเชียงใหม่ ทีมน้องใหม่ที่ถูกคาดหมายว่าต้องอยู่แถวๆนี้อยู่แล้ว ที่น่าห่วงคือเลกสองถ้าต้องย้ายไปเล่นที่จังหวัดอื่นเพราะสนามตัวเองปิดซ่อมคงยากที่จะอยู่รอด

ส่วน“บ๊วย” ของเลกแรกได้แก่สุพรรณบุรี ที่ฟอร์มไม่ดีเอาเสียเลย การเปลี่ยนโค้ชให้ อเดบาโย กาเดโบ คัมแบ็กรอบ 3 ทำทีมแทน “โค้ชแบน”ธชตวัน ศรีปาน ยังไม่เห็นมีแววดีขึ้น

สถิติ 10 ปีหลังสุดของไทยลีกดันระบุไว้ชัดเจนอีกว่าทีมไหนจมบ๊วยในเลกแรก สุดท้ายแล้วไม่รอดสักราย ท้ายฤดูกาลตกชั้นทุกทีม !!

อย่างไรก็ดีทุกทีมยังมีโอกาสผ่าตัดทีมใหม่ ตลาดนักเตะเลกสองเปิดแล้วตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.ถึง 19 ก.ค.นี้ ใครจะซื้อ-ขาย โยกย้ายนักเตะทำกันได้เต็มที่แล้วส่งลงสนามได้เลยทันที

เกมเลกสองไม่ต้องรอนาน เริ่มเตะวันที่ 29 มิ.ย.นี้แล้วสู้กันไปยาวๆ ในครึ่งฤดูกาลที่เหลือ บทสรุปสุดท้ายของฤดูกาลใครจะสมหัวง ผิดหวัง ตามลุ้นกันไปในอีก 15 นัดที่เหลือครับท่าน

 

*“บับเบิ้ล” *

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0