16 รัฐในสหรัฐเตรียมยื่นฟ้องต่อศาลคัดค้านการใช้คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ในการประกาศภาวะฉุกเฉินทางตอนใต้เพื่อหาหนทางจัดสรรเงินงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก
วงเงินได้บานปลายมากขึ้น จนล่าสุดคาดว่า จะต้องใช้เม็ดเงินงบประมาณถึง 8,000 ล้านดอลลาร์ มากกว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้จำนวน 5,700 ล้านดอลลาร์
ในขณะที่าสภาคองเกรสสหรัฐยอมจัดสรรวงเงินในงบประมาณให้เพียง 1,375 ล้านดอลลาร์สำหรับการสร้างกำแพงที่มีความยาว 55 ไมล์ ไม่ใช่เป็นกำแพงคอนกรีตความยาว 215 ไมล์ อย่างที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการ
ทั้งนี้ ปัญหาการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงดังกล่าวเกิดการไม่ลงตัว เนื่องจากสภาคองเกรสสหรัฐไม่เห็นด้วยกับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก นำมาซึ่งการไม่ยอมอนุมัตืวงเงินงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลประจำปี 2019 และลุกลามจนทำให้เกิดภาวะ Government Shutdown นับตั้งแต่กลางเดินธันวาคมปีที่แล้ว
ในขณะที่กระบวนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีนี้ของรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ตกอยู่ในอาการรวนเรจนยากที่จะผลักดันนโยบายและแผนการใช้จ่ายในโครงการต่างๆ เกิดการสะดุดอย่างรุนแรง เรียกได้ว่า ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา การเบิกใช้งบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลจะต้องดำเนินการผ่านงบประมาณชั่วคราวที่อนุมัติโดยสภาคองเกรสเป็นครั้งคราวในช่วงเวลาจำกัดเท่านั้น
ท่ามกลางความขัดแย้งกับสภาคองเกรส ในที่สุดประธานาธิบดีทรัมป์ได้ตัดสินใจลงนามในประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในการออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส
โดยได้กล่าวในถ้อยแถลงว่า สหรัฐต้องเผชิญกับการบุกรุกของนักค้ายาเสพติด และนักค้ามนุษย์ รวมทั้งผู้อพยพจำนวนมากที่หลบหนีเข้ามาในประเทศ ทำให้มีความจำเป็นต้องสร้างกำแพงเพื่อสกัดกั้นกลุ่มคนเหล่านี้
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมายอมรับว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งนี้จะทำให้ต้องถูกฟ้อง แต่เขาก็จะต่อสู้ถึงชั้นศาลฎีกา ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับชัยชนะในที่สุด
สำหรับการเคลื่อนไหวของ 16 รัฐที่คาดว่าจะร่วมดำเนินการฟ้องร้องต่อประธานาธิบดีทรัมป์ประกอบด้วย California, Colorado, Connecticut, Delaware, Hawaii, Illinois, Maine, Maryland, Michigan, Minnesota, Nevada, New Jersey, New Mexico, New York, Oregon และ Virginia
ขณะที่ซาเวียร์ เบเซอร์รา อัยการสูงสุดประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการที่รัฐแคลิฟอร์เนียเตรียมคัดค้านการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า จะยื่นคำคัดค้านในเร็วๆ นี้แน่นอน ขณะที่รัฐอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคเดโมแครตก็คาดว่าจะร่วมคัดค้านเช่นเดียวกัน
หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ใช้อำนาจประธานาธิบดีลงนามในประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ดำเนินการออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส
สถานการณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์ในขณะนี้กำลังเผชิญกับแรงวีโต้จากกระแสการเมืองภายในสหรัฐ นอกจากจะเป็นความท้าทายในอำนาจการบริหารประเทศแล้ว ยังเป็นความกังวลของนักลงทุนที่อาจจะส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในภาพรวมที่ชะลอตัวลงปีนี้
เนื่องจากปัญหา Goernment Shutdown ที่เกิดขึ้นในช่วง 35 วันในช่วงก่อนหน้านี้ได้ส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐเป็นมูลค่าอย่างน้อย 10,000 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งยังส่งผลต่อการชะลอตัวของจีดีพี ลดลง 0.1% ในทุกๆ สัปดาห์