นูทานิคซ์ ชี้ องค์กรใช้คลาวด์หลากหลายขึ้น ทั้ง พับบลิค คลาวด์ , ไพรเวท คลาวด์ และ ไฮบริด คลาวด์ ก่อให้เกิดความยุ่งยากในการบริหารจัดการระบบ โดยเฉพาะพับบลิค คลาวด์ ที่ไม่สามารถมองเห็นรายงานการใช้งานได้อย่างละเอียด ชู โซลูชันบริหารจัดการระบบมัลติคลาวด์ ช่วยให้บริหารจัดการระบบได้ง่าย พร้อมลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร
นายทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทย นูทานิคซ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า 10 แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเข้ามาในการใช้งานอินฟาสตรัคเจอร์แบบไฮบริด ได้แก่ 1. การใช้บริการอินฟาสตรัคเจอร์แบบ as a service 2.การใช้พับลิค คลาวด์ 3.มีการใช้โอเพ่น ซอร์ส มากขึ้น 4.เรื่องไซเบอร์ ซีเคียวริตี้ 5.องค์กรไม่สนใจฮาร์ดแวร์เป็นเครื่องอีกต่อไป 6.เทคโนโลยี IoT 7. ฮาร์ดแวร์อินฟาสตรัคเจอร์จะผลิตจากประเทศในแถบเอเชียมากขึ้น เช่น หัวเว่ย 8.นักพัฒนาและนักโอเปอเรชัน ต้องทำงานร่วมกันมากขึ้น 9.เทคโนโลยีคอนเทนเนอร์จะเข้ามา ทำให้จากเดิมที่ต้องเขียนโปรแกรมบนเครือข่ายเวอร์ชวล เทคโนโลยีคอนเทนเนอร์จะทำให้ระบบเล็กลงเรื่อยๆ และ 10.เทคโนโลยี AI
องค์กรมีการใช้งานคลาวด์ในรูปแบบมัลติคลาวด์ที่หลากหลายมากขึ้น ทั้ง ไพรเวท คลาวด์,พับบลิค คลาวด์ และ ไฮบริดคลาวด์ ทำให้การบริหารจัดการต้องใช้โซลูชันหลายระบบ ยากต่อการออกแบบ และตรวจสอบ โดยเฉพาะการใช้งานพับบลิค คลาวด์ ที่ฝ่ายไอที จะไม่สามารถรู้รายละเอียดการใช้งานของพับบลิค คลาวด์ได้อย่างละเอียด จึงยากต่อการวางแผน และการรายงานด้านค่าใช้จ่ายว่าใช้งานคุ้มค่ากับเงินที่เสียหรือไม่ และฝ่ายไหนใช้งานอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ นูทานิคซ์ ได้สนับสนุนการจัดทำรายงาน IDC InfoBrief ภายใต้หัวข้อ “ความอยู่รอดและการเติบโตในโลกมัลติ คลาวด์” ซึ่งรายงานระบุว่าองค์กรขนาดใหญ่ในปัจจุบันมีการใช้ระบบมัลติ คลาวด์ เป็นเรื่องปกติ มีลูกค้าตอบแบบสอบถามน้อยกว่า 30% ที่ใช้งานคลาวด์เพียงระบบเดียว
ลูกค้าส่วนใหญ่ใช้งานคลาวด์แพลตฟอร์มที่ไม่เหมือนกันผ่านผู้ให้บริการหลายราย การทำงานร่วมกันของข้อมูล และ แอปพลิเคชันต่างๆ ระหว่างระบบคลาวด์ที่หลากหลายนี้ จึงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทว่าการทำให้แอปพลิเคชันใดๆ ขององค์กรในการใช้งานบนคลาวด์ที่แตกต่างกันได้อย่างอิสระแบบไฮบริด คลาวด์เต็มรูปแบบยาก เพราะต้องยุ่งยากในการบริหารจัดการบนคลาวด์ที่แตกต่างกันอยู่
ด้วยเหตุนี้ บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการคลาวด์แบบครบวงจร ได้ขยายความสามารถของโซลูชัน Xi Frame desktop as a service ที่จากเดิมใช้กับพับบลิค คลาวด์ ให้ใช้กับ ไพรเวท คลาวด์ ได้ด้วย โดยจะช่วยให้ลูกค้าใช้งานแอปพลิเคชันและเวอร์ชวลเดสก์ท็อปจากระบบพับบลิค คลาวด์ชั้นนำ เช่น AWS และ Azure ผ่านบราวเซอร์และอุปกรณ์ใดได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ลูกค้าสามารถขยายการให้บริการเดสก์ท็อปไปยังไพรเวท คลาวด์ของนูทานิคซ์ สามารถผนวกรวมบริการอินฟราสตรัคเจอร์ แบบ เวอร์ชวลเดสก์ท็อป เข้ากับ แพลตฟอร์มนูทานิคซ์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ คลาวด์ ได้ และสามารถให้บริการผ่านคลาวด์หลายระบบพร้อมกัน โดยบริหารจัดการผ่านคอนโซลเดียวกัน เพื่อให้สามารถควบคุมและจัดการดูแลได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อให้การทำงานเป็นแบบไฮบริดอย่างแท้จริง