โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

นี่แหละ “ทรงผม” - อั๋น ภูวนาท

TOP PICK TODAY

อัพเดต 06 ก.ค. 2563 เวลา 03.26 น. • เผยแพร่ 05 ก.ค. 2563 เวลา 16.09 น.
ภาพโดย prostooleh / จาก freepik.com
ภาพโดย prostooleh / freepik.com

 

ช่วงที่ผ่านมาได้อยู่บ้านเยอะ เลยตัดสินใจว่าจะใช้เวลาที่มีนั่งจัดระเบียบข้าวของในบ้านซักหน่อย จนไปเจอกล่องเก็บอัลบั้มรูปมากมายหลายเล่ม ในแบบที่คนยุคนี้อาจจะไม่เข้าใจ เพราะทุกวันนี้เราแทบจะไม่มีการอัดรูปลงกระดาษกันอีกต่อไปแล้ว  

ผมหยิบรูปที่บันทึกช่วงเวลาแห่งความทรงจำเหล่านั้นมานั่งเปิดดูอีกครั้ง หลายเรื่องที่เราหลงลืมไปแสนนานว่าครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือภาพแห่งบรรยากาศงานวันเกิดครบ 5 รอบของคุณหญิงแม่ ที่ผมกับพี่ ๆ จัดให้ครั้งใหญ่ที่บ้านเมื่อหลายปีก่อน  ดูไปก็ยิ้มไป โดยเฉพาะรูปตอนที่คุณแม่ผมขึ้นกล่าวขอบคุณแขกทุกท่านที่สละเวลามากันล้นหลามหลังเป่าเค้กในวันนั้น แม้มันจะเป็นเพียงภาพนิ่ง แต่ความทรงจำนั้นยังชัดเจนเหลือเกิน โดยเฉพาะกับประโยคหนึ่งที่แม่ผมพูดไว้และยังคงก้องกังวานอยู่ในใจผมจนถึงตอนนี้

“ดิฉันตื่นขึ้นมาทุกวันนี้อย่างมีความสุขที่สุด ด้วยความรู้สึกที่พอใจกับทุกอย่าง จนรู้สึกว่าชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว” อาจฟังดูธรรมดาๆ แต่เป็นประโยคที่ลูกๆได้ยินแล้วอิ่มใจเหลือเกิน

มันทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาว่าแล้วกับตัวเราล่ะ จะมีโอกาสโชคดีแบบนี้ ที่จะได้ตื่นขึ้นมาในสักวัน แล้วรู้สึกพอใจเหลือเกินกับชีวิต จนไม่รู้สึกว่าขาดสิ่งใด หรือต้องการอะไรอีกบ้างไหม   

มีบางวันที่ผมตื่นขึ้นอย่างมีความสุขโดยไม่มีเหตุผล กับบางวันที่ผมตื่นมาแล้วหงุดหงิดใจ ไม่แฮปปี้กับอะไร ๆ ไปหมดอย่างไม่สามารถหาคำอธิบายได้เช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนเสมอก็คือ ผมยังคงตื่นขึ้นมาพร้อมกับกิเลส ตัณหา ราคะ ความอยาก โลภ โกรธหลง และปัญหาสารพัดอยู่เหมือนเดิม แม้รายละเอียดความอยากในชีวิตของผมนั้นเปลี่ยนไปมากมายทีเดียวจากในอดีต…

ตอนเด็ก ๆ เคยอยากได้หุ่นยนต์ จนยืนร้องไห้อยู่กลางห้าง  อยากได้เกมคอมพิวเตอร์จนยอมอดข้าว อยากไปเที่ยวกลางคืนทั้งที่อายุไม่ถึง  อยากโดดเรียนไปดูหนัง เดินห้าง

ที่ประเทศฝรั่งเศสเค้ามีการทดลองอันนึงแปลกดี เค้าเอาอาสาสมัครที่ชอบกิน ช็อกโกแลตมา 500 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกถูกสั่งไม่ให้กินช็อกโกแล ในขณะที่กลุ่มที่ 2 ถูกขอร้องกึ่งยัดเยียดให้กิน หลังจากติดตามผลจน 3 เดือนผ่านไป ผลสรุปออกมาน่าตกใจคือ กลุ่มที่ถูกสั่งให้ห้ามกินนั้น กลับกินช็อกโกแลมากกว่ากลุ่มที่ถูกขอร้องให้กินถึงกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว เพราะอะไรน่ะเหรอ

ก็เพราะความท้าทายอยู่ในสายเลือดของคนครับ อะไร ๆ ที่มันท้าทาย ต้องแหกกฎ และได้มายาก ๆ น่ะมันมักหอมหวานยั่วยวนเสมอล่ะครับ

ยกตัวอย่างง่าย ๆ เอาแค่เรื่อง“ผม” หรือขนที่ขึ้นบนหัวนี่แหละ

ตอนเด็ก ๆ อาจารย์สั่งว่าต้องรองทรงสูงปรี๊ดเท่านั้น ชั้นก็ขอยาวกว่าชาวบ้านตลอด ห้ามไว้จอนเหรอ งั้นชั้นไว้ ห้ามซอย ชั้นแอบซอยดีกว่า อย่าทำสีผมเด็ดขาด ก็ยังจะหาโอกาสไปแอบทำ

พอมัธยมปลายให้ไว้รองทรงธรรมดาได้ ก็อยากเพิ่มออฟชั่นมีปอยหวานแบบ  Jayler จากที่ตัดผมข้างโรงเรียน 40 บาทก็ประสาทไปเสียที่สยามซัก 4-500 ซะ

พอเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อนเริ่มไว้ผมยาวทำตัวติสท์ก็อยากไว้บ้าง ทั้งที่หน้าไม่เหมาะเล้ย…ย

ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งการลองผิดลองถูกที่ท้าทาย อยากแหวกกรอบ อยากแตกต่างสร้างตัวตน ซึ่งความอยากนี้ต่างจากสิ่งที่คุณแม่ของผมเป็นอย่างมาก  กล่าวคือหากมีใครบังเอิญรู้จักท่าน ก็จะรู้ว่าท่านมีทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์มากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร กับทรงผมตีโป่งตลอดชีวิตไม่เคยเปลี่ยนมานานแล้ว ตั้งแต่ผมจำความได้  ขนาดคุณสมศักดิ์ ชลาชล ขอร้องให้ลองเปลี่ยนดู ถึงขั้นเสนอตัวรับดูแลให้ฟรี คุณแม่ก็ยังไม่มีท่าทีหวั่นไหวใจอ่อน ด้วยบอกว่าก็นี่แหละ“ตัวฉัน” ถ้าไม่ใช่ทรงนี้ ก็คงไม่ใช่ “ฉัน”

ส่วนตัวผมเองนั้น หลังจากที่เคยวิ่งนำจนเลยเถิด และวิ่งตามแฟชั่นจนเหนื่อยหอบมาพักใหญ่ เดี๋ยวฟู เดี๋ยวตั้ง เดี๋ยวเกาหลีม้าเต่อบ้าง ก็มาถึงวันและวัยที่เริ่มจะหยุดที่ช่างประจำ ร้านประจำ กับทรงผมธรรมดาด้วยประโยคซ้ำๆในทุกครั้งที่ไปตัดว่า “เหมือนเดิมครับพี่” ด้วยเริ่มเรียนรู้ว่าอะไรเหมาะและดีที่สุดสำหรับ“ตัวผม”แล้ว

“ทรงผม” ของแต่ละคนในแต่ละวัย อาจบอกเล่าอะไรเกี่ยวกับคน ๆ นั้นได้มากกว่าแค่เพียงที่ตาเห็น

จากวันที่ผมเคยวิ่งไล่ไขว่คว้าหาสิ่งที่ใช่ ที่อยากเป็น อยากเป็นที่ยอมรับ

จนถึงวันที่“ผม” เริ่มชัดเจนกับตัวเองขึ้น นิ่งขึ้น สงบขึ้น เหมือนกับเราค่อยๆเดินทางมาจนเจอตัวตน ในแบบที่เราพึงพอใจโดยไม่ต้องวิ่งตามกระแส แฟชั่น หรือใคร

วันที่เราค้นพบว่านี่แหละ “ทรงผม”

ได้แต่หวังว่าในซักวัน “ผม” คงจะมีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่พอใจกับทุกอย่าง จนรู้สึกว่าชีวิตไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้วอย่างคุณแม่ผมบ้าง

ส่วนวันนี้เริ่มต้นด้วยการแฮปปี้กับ “ทรงผม” ที่ใช่ ที่พอใจ ไปก่อนก็แล้วกัน…

หวังว่าซักวันของผม และของใครอีกหลายๆคนนั้น มันคงจะไม่ต้องรอนานจนชีวิตต้องล่วงเลยไปถึงวันนั้น…

วันที่ไม่มี “ผม”

-

ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก อั๋น ภูวนาท ได้ทุกวันจันทร์ บน LINE TODAY

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0