ตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น ปิดซื้อขายในวันนี้ (15 ต.ค.) ร่วงลงมากกว่า 400 จุด ท่ามกลางมุมมองด้านลบเกี่ยวกับการเจรจาการค้าญี่ปุ่น และสหรัฐ บวกกับกระแสคาดการณ์ถึงการขึ้นภาษีกดดันตลาด ขณะปัญหาซาอุดีอาระเบีย สร้างความกังวลถึงการจัดหา หนุนให้ราคาน้ำมันดิบทะยานสูงขึ้น
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ปิดตลาดร่วงลง 1.87% หรือ 423.36 จุด มาอยู่ที่ 22,271.30 จุด
ตลาดตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน หลังช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐเล็งทำข้อตกลงเพิ่มกับญี่ปุ่น เพื่อป้องกันไม่ให้ญี่ปุ่นจงใจกดค่าเงินเพื่อให้มีข้อได้เปรียบทางการค้าในอนาคต
ก่อนหน้านี้ สหรัฐเคยพยายามเพิ่มข้อตกลงห้ามปั่นค่าเงินดังกล่าวในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) ฉบับใหม่ เช่นเดียวกับข้อตกลงการค้าเสรีที่ทำขึ้นกับเกาหลีใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐ
หวั่นน้ำมันแตะ 100 ดอลลาร์
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบกลับมาทะยานสูงขึ้นอีกครั้ง จากความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์ทางการเมือง เกี่ยวกับการหายตัวไปของนักข่าวชื่อดังชาวซาอุดีอาระเบียบ ทำให้เกิดความวิตกถึงการจัดหาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส เคลื่อนไหวล่าสุด ปรับขึ้น 0.77% มาอยู่ที่ 71.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะยานขึ้นมา 0.86% เคลื่อนไหวที่ 81.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายคาซุฮิโกะ ฟูจิ นักวิเคราะห์อาวุโส จากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม กลุ่มคลังสมองที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลญี่ปุ่น แสดงความเห็นว่า ความวิตกในเรื่องซาอุดีอาระเบีย อาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้
“ผู้คนพากันคิดว่า น้ำมันจากซาอุดีอาระเบีย จะเข้ามาชดเชยส่วนที่หายไปของผลผลิตอิหร่าน แต่ถ้าหากซาอุดีอาระเบียเริ่มใช้น้ำมันเป็นอาวุธ สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไปใหม่หมด”
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบีย ตกเป็นเป้าโจมตีจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก จากกรณีนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวอาวุโสชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 59 ปี ผู้เขียนคอลัมน์ให้หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ของสหรัฐ และเป็นผู้เขียนบทความโจมตีนโยบายของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาซาอุฯ หายตัวไปอย่างลึกลับในตุรกี ทั้งเมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) ทางการซาอุดีอาระเบียยังออกมาประกาศถึงการตอบโต้ต่อมาตรการลงโทษทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น จากเรื่องดังกล่าว
