นครเวนิสของอิตาลี เจอน้ำท่วมหนัก หลังระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 50 เมื่อกลางดึกคืนวานนี้ (12 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น จนทำให้นักท่องเที่ยวต้องพากันเดินลุกน้ำไปตามท้องถนน เพื่อหาที่หลบภัย ท่ามกลางกระแสลมแรง ที่ทำให้เกิดคลื่นบริเวณจัตุรัสเซนต์มาร์ก
ศูนย์เฝ้าระวังระดับน้ำ ของนครเวนิส รายงานว่าระดับน้ำขึ้นสูงสุดที่ 1.87 เมตร ถือเป็นระดับน้ำที่ขึ้นสูงสุดเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่เริ่มจัดเก็บสถิติตั้งแต่ปี 2466 โดยครั้งก่อนหน้านั้นน้ำขึ้นสูงแตะระดับ 1.94 เมตร เมื่อปี 2509
นายลุยกิ บรุนญาโร นายกเทศมนตรีนครเวนิส ระบุว่า เวนิสกำลังเผชิญกับระดับน้ำที่สูงผิดปกติ และทุกฝ่ายกำลังทำงานเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินครั้งนี้
นายบรุนญาโร ทวีตด้วยว่า "สถานการณ์กำลังเลวร้าย ซึ่งเรากำลังขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ค่าใช้จ่ายน่าจะสูง นี่คือผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ"
เจ้าหน้าที่หน่วยบริการฉุกเฉินพากันออกไปตามคลองต่างๆ เพื่อสำรวจความเสียหาย ซึ่งสื่ออิตาลีรายงานว่า มีผู้สูงวัยรายหนึ่งเสียชีวิตจากการถูกไฟช็อต ขณะที่น้ำไหลเข้าท่วมบ้านของเขา
ระดับน้ำที่ท่วมสูงนี้ ยังทำให้เกิดความวิตกว่าจะทำให้โบสถ์บาซิลิกาที่มีอายุกว่าพันปี ได้รับความเสียหายอย่างมาก โดยโบสถ์แห่งนี้ เคยถูกน้ำท่วมมาแล้ว 6 ครั้งในรอบ 1,200 ปี ส่วนจัตุรัสเซนต์มาร์ก มีระดับน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร
บรรดาเจ้าของร้านในเวนิสยังแสดงความไม่พอใจ ต่อการก่อสร้างระบบกำแพงกั้นน้ำของเมือง ซึ่งจะช่วยป้องกันภัยพิบัติเช่นนี้ได้ เป็นไปอย่างล่าช้า เพราะเหตุคอร์รัปชันอื้อฉาว ซึ่งเหตุน้ำท่วมที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดนี้ ทำให้พวกเขาได้รับความเสียหายอย่างมาก
ทั้งนี้ นครเวนิส ได้ดำเนินโครงการเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในเมืองมาตั้งแต่ปี 2546 แต่โครงการก็ล่าช้าอย่างมาก ทั้งจากปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย และการคอร์รัปชันต่างๆ ซึ่งตามแผนป้องกันน้ำท่วมที่วางไว้นั้น รวมถึง การสร้างประตูน้ำที่สามารถลอยน้ำได้ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมเมืองตอนที่ระดับน้ำขึ้นสูง
