วันนี้ (26 พ.ค.2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์กรณีพบหารือกับสมาคมต่าง ๆ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ ว่า วิกฤต COVID-19 ได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ทั้งในด้านสาธารณสุข และส่งผลกระทบต่อการทำมากินของประชาชนอย่างรุนแรง ในด้านสาธารณสุขไทยประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีและรวดเร็วหากเปรียบเทียบกับหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม มีอีก 1 วิกฤต คือ การขาดรายได้ โดยได้เดินทางไปพบกับสมาคมและภาคธุรกิจต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เน้นตัวแทนผู้กอบการขนาดกลาง ขนาดเล็ก และตัวแทนคนทำมาหากินทั่วประเทศ โดยขอให้เล่าความเดือดร้อน แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนระยะสั้น ซึ่งได้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์และกำลังใจ ซึ่งผู้ที่มีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญ อีกทั้งมีความรักและห่วงใยประเทศด้วยการนำเสนอสิ่งที่ดีต่อประเทศชาติ โดยสั่งการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐจะเป็นนโยบายการกำหนดโควตาให้ซื้อสินค้า หรือใช้บริการผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม หรือผู้ประกอบการขนาดเล็กในท้องถิ่น ต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและผ่านการรับรองโดยกฎหมาย และจะติดตามเรื่องดังกล่าวโดยตัวเอง พร้อมขอความร่วมมือบริษัทขนาดใหญ่ซื้อสินค้าจากกลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าว เนื่องจากเอสเอ็มอีสร้างรายได้ให้ประชาชนกว่า 14 ล้านคนทั่วประเทศ
นอกจากนี้ สถานที่ค้าขาย ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ที่เปิดให้บริการได้อีกครั้ง โดยตัวแทนได้กล่าวถึงมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเข้มงวด ขอขอบคุณเกี่ยวกับการลงทุนและป้องกันอย่างเข้มงวด ส่วนภาคการท่องเที่ยวต้องการให้นักท่องเที่ยวกลับมาโดยเร็ว ซึ่งจะดำเนินการตามข้อเสนอเมื่อเห็นว่าความเสี่ยงการแพร่ระบาด COVID-19 ลดลงไปอยู่ในระดับที่ยอมรับความเสี่ยงได้ เพราะสิ่งที่ต้องระวังคือหากชาวต่างชาตินำเชื้อเข้ามาจะทำให้ทุกอย่างที่ดำเนินการเสียเปล่า จึงเป็นช่วงเวลาที่พิจารณาอย่างรอบคอบโดยหาจุดสมดุลของสาธารณสุขและการทำมาหากินของประชาชน และจะเริ่มสนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวภายในประเทศได้เร็ว ๆ นี้
นายกฯ ยังสั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐ จัดประชุมสัมนาโดยใช้สถานที่ในโรงแรมต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้ผู้ประกอบการที่เป็นภาคส่วนซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่แรงงานซึ่งยังไม่ได้รับเงินชดเชยประกันสังคมนั้น ได้สั่งการให้ดำเนินการให้ชัดเจน
ขณะที่กรณีเกษตรกรกังวลใจเกี่ยวกับการขาดแคลนน้ำ จึงสั่งการให้หาวิธีรับมือก่อนทันที และข้อเสนอจากสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย อยู่ระหว่างจัดทำแผนแก้ปัญหาที่ตรงจุด ส่วนภาคการประมงได้สั่งการให้ตั้งทีมทำงานหาวิธีแก้ปัญหา โดยเชิญตัวแทนจากสมาคมประมงทั้งพาณิชย์และพื้นบ้าน เข้ามาร่วมแก้ปัญหากับภาครัฐ
ขอขอบคุณที่ทุกท่านที่เป็นส่วนสำคัญของทีมประเทศไทย นอกจากห่วงใยภาคธุรกิจของตัวเองแล้วยังห่วงใยประเทศชาติด้วย
