โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

นายกฯปัดเปิดเพจหาเสียง-กังวลคนพูดรบ.แบ่งชนชั้น

INN News

อัพเดต 16 ต.ค. 2561 เวลา 08.32 น. • เผยแพร่ 16 ต.ค. 2561 เวลา 08.32 น.
ครม16-10-61-1

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการเปิดช่องทางผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า ไม่ได้เป็นเรื่องยาก แต่ส่วนตัวอาจยังเป็นมือใหม่อยู่ ซึ่งการเปิดช่องทางโซเชียลดังกล่าวไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่นใดเป็นพิเศษ เพียงแต่ขณะนี้เข้าสู่ยุคดิจิทัลและไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งผ่านมากว่า 4 ปี จึงต้องพยายามปรับตัวและใช้โซเชียลให้มากขึ้น ซึ่งมีทั้งคนเข้ามาชื่นชมและด่า ถือเป็นการเปิดเวทีให้คนได้ติชม และเป็นอีกช่องทางในการสื่อสารกับประชาชน ซึ่งอาจมีคนติมากกว่าชม แต่ขอให้ใช้คำที่สุภาพและเหมาะสม ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ

ทั้งนี้ หากคนที่ไม่ชอบ ไม่ว่าจะทำอะไรดีๆ หรือพูดอะไรก็ไม่ชอบอยู่ดี ดังนั้นอะไรที่เป็นข้อเท็จจริงก็ต้องแก้ไข แต่หากไม่ใช่ข้อเท็จจริงก็ต้องชี้แจง อีกทั้งการเปิดช่องทางในโซเชียลก็ไม่ได้เสียเงินแต่อย่างใด จึงสามารถทำได้หมด อย่างไรก็ตาม ขอเชิญชวนให้ทุกคนไปกดไลค์ แต่อาจมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น ด่า บางครั้งอันไลค์ก็มี จึงขอให้ติชมสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่หยาบคาย อันไหนไม่เข้าใจหากตอบได้ก็จะตอบ และจะให้คณะทำงานติดตามอยู่ตลอด อาจให้สรุปมายังตนเองในระยะเวลา 3-5 วัน แต่ส่วนใหญ่ตนจะตอบด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยืนยันว่าการเปิดช่องทางโซเชียลดังกล่าวไม่ใช่การหาเสียง เพราะพรรคอื่นก็มี
การเปิดเช่นกัน จึงขอให้ความเป็นธรรมกับตนเองด้วย

ขณะเดียวกัน วันนี้หลายพรรคการเมืองรวมทั้งสมาชิกการเมืองและผู้สมัครรับการเลือกตั้ง แม้กระทั่งการหยั่งเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ก็มีการทำผ่านช่องทางโซเชียล ซึ่งในวันนี้ คสช. ได้มีการอนุโลมไปหลายรายการ หากไม่ทำให้เกิดความรุนแรงและไม่เกิดผลกระทบกับการบริหารราชการแผ่นดิน หากอนุโลมได้ก็จะอนุโลมให้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลายพรรคการเมืองทั้งใหม่และเก่าก็เดินไปทั่ว ไม่เช่นนั้นก็จะหาว่ารัฐบาลไปปิดกั้นจึงต้องสร้างการรับรู้กับประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศว่ารัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นใครจนไม่สามารถขยับได้แต่ต้องพิจารณาให้เหมาะสม

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาแสดงความคิดเห็นในอินตราแกรม ว่า ใครให้กำลังใจ ตนเองก็ให้กำลังใจด้วย พร้อมย้ำว่าไม่ได้เป็นศัตรูใคร ทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ต่อสู้คดีไปตามกระบวนการ ซึ่งตนเองไม่เคยไปก้าวล่วง

อย่างไรก็ตาม หากมีการวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงจะเอาผิดหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าหากเอาผิดคงเอาผิดได้หมด เพราะมีหลายอันที่ใช้คำหยาบคาย จึงต้องขึ้นอยู่ที่จิตสำนึก เหตุใดถึงไม่ใช้โซเชียลเป็นช่องทางศึกษาทางหนึ่งของเด็กๆ แต่ส่วนตัวรับได้อยู่แล้ว ส่วนจะฟ้องหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาส่วนตัวเคยฟ้องใครหรือไม่ แต่หากเป็นเรื่องที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลคงไม่ได้ ถ้าบิดเบือนอย่างชัดเจน ส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าจะทนได้หรือไม่ แต่จะพยายามอดทนให้ถึงที่สุดเพราะเป็นนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนตัวประเมินสถานการณ์การเมืองมาตลอด และติดตามเสียงสนับสนุนจากประชาชนมาโดยตลอดส่วนประชาชนจะรับหรือไม่รับเป็นเรื่องที่จะต้องตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะทำการเมืองต่อในรูปแบบใด ขึ้นอยู่กับเหตุผลความจำเป็นของตนเองและชาติบ้านเมืองคืออะไร สิ่งสำคัญจะเดินหน้ายุทธศาสตร์ชาติอย่างไร ไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าสืบทอดอำนาจ เป็นสิ่งที่
จะต้องระมัดระวัง แต่หากอนาคตพรรคการเมืองใด จะมาร่วมงานกับตนเอง ต้องทำตามตนเอง เพราะนายกรัฐมนตรี มีอำนาจ และการเป็นรัฐบาลต้องทำเพิ่มประชาชน

ขณะเดียวกัน ส่วนตัว ไม่อยากให้ใช้คำว่าเล่นการเมือง เพราะการเมือง บ้านเมือง ไม่ใช่ของเล่น เนื่องจากการเมืองเป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ที่มีธรรมาภิบาล ขณะเดียวกันยังกังวลที่มีคนออกมาระบุว่า รัฐบาลนี้แบ่งแยกชนชั้น ในเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยืนยันว่าไม่เคยเรียกว่าบัตรคนจน พร้อมย้อนถามกลับ คนพูดเข้าใจผิดหรือไม่ ว่ามีชื่อเรียกว่าบัตรสวัสดิการแห่งชาติ ที่จะดูแลทุกคนให้เกิดความเท่าเทียม และเข้าถึงโอกาสเพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงการคุ้มครองการประกอบอาชีพและดูแลผู้มีรายได้น้อย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0