ในอดีตที่การแพทย์ และวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้ก้าวไกลเหมือนวันนี้ การติดเชื้อโรคบางชนิด อาจถูกมองว่าเป็นเรื่องที่พัวพันกับศาสตร์มืด เช่นเดียวกับผู้ที่ติดเชื้อ ‘มาลาเรีย’ ที่แม้จะตายไปแล้วก็ยังต้องถูกทำพิธีบางอย่าง
นักโบราณคดีได้ค้นพบหลุมศพและโครงกระดูกของเด็ก วัย 10 ขวบ คาดว่าน่าจะถูกฝังในสมัยศตวรรษที่ 5 ในประเทศอิตาลี โดยสิ่งที่แปลกตาออกไปจากการฝังศพทั่วๆ ไปคือในบริเวณปากของเด็กคนนี้มีก้อนหินที่ถูกใส่อยู่
เดวิด โซเรน นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา บอกว่า เขาไม่เคยเห็นอะไรในแบบนี้มาก่อน พร้อมกับเชื่อว่านี่คือสิ่งค่อนข้างสุดโต่งและแปลกมากๆ ทั้งนี้ ผู้คนท้องถิ่นเรียกสิ่งนี้ว่า ‘แวมไพร์แห่งลูญาโน’
หลังจากที่ค้นคว้าข้อมูลทางประวัติศาสตร์แล้ว นักวิชาการเชื่อว่านี่คือการฝังศพแวมไพร์ (vampire burial) ซึ่งอยู่บนความเชื่อของผู้คนในยุคนั้น ที่กลัวคนที่เสียชีวิตด้วยโรคมาลาเรียจะคืนชีพ โดยเหตุผลที่ต้องใส่ก้อนหินเข้าไปในปาก ก็เพื่อรับประกันว่าบุคคลนี้จะไม่สามารถลุกขึ้นมาและกัดใครได้
ทั้งนี้ ขั้นตอนการใส่ก้อนหินเข้าไปในปากนั้น คาดว่าเกิดขึ้นหลังจากเด็กคนนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งก็พอจะช่วยให้เราจินตนาการภาพที่น่ากลัวน้อยลงมาได้นิดหน่อย
ก่อนหน้านี้ เคยมีการค้นพบการฝังศพด้วยวิธีคล้ายกันนี้มาแล้วที่เมืองเวนิซ ซึ่งในคราวนั้นนักวิชาการว่าเป็น ‘แวมไพร์แห่งเวนิซ’ อย่างไรก็ดี นี่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า ความกลัวในแวมไพร์ในช่วงเวลานั้น ก็นับเป็นความเชื่อที่แพร่กระจายในสังคมชาวอิตาลีอยู่ไม่น้อยทีเดียว
อ้างอิงจาก
https://uanews.arizona.edu/story/vampire-burial-reveals-efforts-prevent-childs-return-grave
#Brief #TheMATTER