นศ.หอการค้าสร้างโอกาสใหม่ธุรกิจซาลอนผ่านโซเชียล สร้างรายได้งามฝ่าโควิด-19
ผลกระทบจากไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กับธุรกิจเสริมสวยและร้านทำผมเมื่อมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกมาตรการให้ร้านเสริมสวยทั่วประเทศปิดการให้บริการ เพื่อป้องกันไวรัสร้ายดังกล่าวแพร่กระจายตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2563–เมษายน 2563 จนกระทั่งล่าสุดร้านตัดผมมีนโยบายผ่อนปรนให้กลับมาเปิดบริการได้ในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์มาตรการความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ร้านเทียร่า บิวตี้ สตูดิโอ ธุรกิจของนักศึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบก่อนวิกฤตไวรัสจะระบาดอย่างหนักและต้องปิดกิจการชั่วคราวตามนโยบายรัฐบาล ด้วยการวางแผนและบริหารเชิงรุกของคนรุ่นใหม่ทำให้สามารถรับมือกับวิกฤตครั้งนี้และพนักงานร้านไม่ต้องถูกปลดออกจากร้าน
นายทักษ์ดนัย กลิ่นภักดิ์ดี (น้องก็อต) คณะวิทยาลัยผู้ประกอบการ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และเจ้าของร้าน เทียร่า บิวตี้ สตูดิโอ เล่าว่า “ร้าน เทียร่า บิวตี้ บูติกซาลอน ชื่อนี้มาจากเทียร่าที่แปลว่ามงกุฎ ซึ่งหมายถึงทรงผมอยู่จุดสูงสุดเหมือนเป็นมงกุฎของใบหน้าเป็นที่มาของชื่อนี้ และกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่มีอายุประมาณ 24-35 ปีโดยประมาณ เป็นกลุ่มที่อยู่ในช่วงวัยทำงานที่มีกำลังในการจ่ายพอสมควร สถานที่ตั้งอยู่ที่ห้าง The Hub Rangsit ชั้น G ถนนรังสิต จังหวัดปทุมธานี โดยร้านเปิดให้บริการมาแล้วเป็นระยะเวลา 1 ปี แต่มาเปิดบนห้างได้ประมาณ 5 เดือน รายได้ต่อเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 300,000-400,000 บาท ซึ่งจุดเด่นของร้านจะเป็นการดัดดิจิตอล การดัดผม การทำทรีตเมนต์หรือการเปลี่ยนจากผมเสียให้เป็นผมสุขภาพดีทันทีหลังจากที่ทำเสร็จ เน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์ดังนำเข้ามาจากเกาหลีโดยตรง เลือกแต่ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความน่าเชื่อถือและมีชื่อเสียงทุกอย่างตามเทรนด์ต่างประเทศ โดยก่อนที่เราจะนำผลิตภัณฑ์มาใช้นั้น มีการเข้าไปเรียนรู้วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ของแต่ละแบรนด์จากเจ้าของแบรนด์โดยตรง ซึ่งทุกอย่างภายในร้านเน้นคุณภาพในการให้บริการที่ดีอย่างแน่นอน”
“โดยปกติยอดผู้ใช้บริการร้านทำผมที่ร้านมีทุกวัน ลูกค้าส่วนใหญ่จะมีการจองผ่านหน้าเพจเฟซบุ๊ก ก่อนที่จะเข้ามาใช้บริการ โดยช่องทางการติดต่อทางร้านเน้นเฟซบุ๊กเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ โดยชื่อเพจจะมีชื่อว่า เทียร่า บิวตี้ สตูดิโอ แต่พอต้องปิดร้านจากวิกฤตโควิด-19 ยอดลูกค้าหายไป 100% จากที่เราเป็นผู้บริหารทำให้มีการจ่ายในส่วนของค่าเช่าที่และค่าแรงของพนักงานอยู่ตลอดในทุกเดือนแม้ร้านจะปิด ทางร้านเลือกขายคอร์สล่วงหน้าให้กับลูกค้า เพื่อให้ร้านมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่ห้างปิดตัว โดยราคาปกติของคอร์สดัดผมจะอยู่ที่ 3,500 บาท แต่ในช่วงวิกฤตเราจะคิดราคาเพียง 1,800 บาท แต่มีเงื่อนไข คือลูกค้าต้องโอนจองเต็มจำนวน แต่ว่าจะทำตอนไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับทางลูกค้าสามารถเลือกเวลาได้ กลยุทธ์ที่ทางร้านเลือกใช้มีการเชิญนางงามแต่ละคนเข้ามาทำผมที่ร้าน มีการถ่ายรูปนางงามที่มาทำผมแต่ละทรงเก็บไว้และนำไปใช้ในการประชาสัมพันธ์ อาจจะเรียกได้ว่าทางร้านมีนางงามเป็นพรีเซ็นเตอร์ของร้านเลยก็ว่าได้ ซึ่งตัวนางงามเองก็มีการโพสต์รูปตัวเองพร้อมแท็กสถานที่หรือชื่อร้าน เพื่อแนะนำลงบนสื่อโซเชียลมีเดียของพวกเขาอีกด้วย
จากที่เราโพสต์แต่ละครั้งจะมีลูกค้าติดต่อเข้ามาทันที เพราะการทำเนื้อหาตรงนี้ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน ที่สำคัญ ทางร้านเน้นตัวผลงานการทำผมเป็นหลัก บริการทำผมออกมาให้สวยทันสมัยและถูกใจลูกค้า ทำให้ลูกค้านั้นเกิดการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น การเข้ามาใช้บริการในตอนนี้ทางร้านมีมาตรการให้พนักงานทุกคนสวมหน้ากากอนามัยและเฟซชิลด์ตลอดระยะเวลาที่อยู่ภายในร้านตอนให้บริการกับลูกค้า ในส่วนของลูกค้านั้นจะมีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้ามาในร้านและก็จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อเข้ารับการบริการ หลังจากนี้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 พบยาต้านไวรัสทุกอย่างดีขึ้น ทางร้านมีแผนจะขยายสาขา 2 และตั้งใจจะขายแฟรนไชส์ต่อด้วยในอนาคต”
