โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

นักวิเคราะห์มั่นใจหุ้นไทยยังไปได้ แม้เศรษฐกิจโลกขาลง

Money2Know

เผยแพร่ 27 มิ.ย. 2562 เวลา 10.36 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
นักวิเคราะห์มั่นใจหุ้นไทยยังไปได้ แม้เศรษฐกิจโลกขาลง

*นักวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัวแบบอ่อนไหวไม่ใช่ทรุดตัว เชื่อหุ้นไทยยังไปต่อได้ แนะนำลงทุนในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และนวัตกรรมใหม่ *

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ ThaiBMA จัดกิจกรรมวางแผนการลงทุนตราสารหนี้ต้อนรับรัฐบาลใหม่ ภายในงานมีการจัดเสวนาหัวข้อ”เกาะติดภาวะการลงทุน ทันสถานการณ์ตลาดตราสารหนี้ไทย และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย นัยยะต่อการลงทุน” โดยมีนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และนายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัย ธ.กรุงศรีอยุธยา

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ถ้าพูดถึงการลงทุนแล้วมันจะงงอยู่นิดหนึ่ง เพราะเวลาที่เราสนใจจะลงทุนบรรยากาศการลงทุนก็มักจะไม่เอื้อกับการลงทุน แต่เมื่อบรรยากาศเอื้อให้กับการลงทุนแต่เราก็อาจจะไม่อยากลงทุนก็ว่าได้ แต่ถ้าพูดถึงปีนี้แล้วถือว่าเป็นปีที่บรรยากาศการลงทุนดี เพราะหุ้นทั่วทั้งโลกเติบโตขึนเฉลี่ย 15% ขณะที่หุ้นไทยเติบโตขึ้น 10% เพิ่มขึ้นมากว่า 100 จุดจากเมื่อสิ้นปีที่แล้ว

สิ้นปีที่แล้วตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1500 กว่าจุด แต่ปัจจุบัน พุ่งขึ้นไป 1700 กว่าจุดแล้ว ซึ่งตลาดหุ้นเกิดใหม่กว่า 23 ประเทศมีเพียงที่ปากีสถานที่เดียวเท่านั้นที่หุ้นติดลบในปีนี้ อย่างที่บอกไปว่าบรรยากาศเหมือนจะไม่ใช่แต่ถ้าดูจากสถิติข้อมูลอ้างอิงแล้วสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าบรรยากาศการลงทุนขณะนี้เป็นไปในทิศทางที่สดใส จึงเป็นจังหวะที่ดีมากสำหรับนักลงทุนในครึ่งปีหลัง

“ในอนาคตมีสิ่งที่เหล่านักลงทุนต้องเฝ้าติดตามดังนี้คือ เทนด์การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ปัจจัยทางการเมือง ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่แนวทางว่าควรลงทุนในการลงทุนประเภทใดมากที่สุด”

สำหรับท่าทีลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกมองว่าน่าจะช่วยเศรษฐกิจโลกได้ เพราะการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกเป็นการชะลอแบบอ่อนไหว ไม่ใช่ทรุดตัว ซึ่งยังมีนักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอยู่ในระดับ 3%-3.5% ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่แย่ จึงเชื่อว่ามาตรการลดดอกเบี้ยนโยบายจะช่วยกู้วิกฤตเศรษฐกิจโลกได้

ขณะที่ตัวเลขด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังเติบโตตามศักยภาพ ซึ่งถือว่าส่งผลดีกับตลาดทุน ส่วนการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯคงแก้ไขไม่อยาก และธนาคารกลางสหรัฐฯไม่น่าจะลดดอกเบี้ยมาก เพราะเมื่อย้อนไป 50 ปีที่แล้ว ไม่เคยมีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสูงสุดในระดับ 2.5% เพราะฉะนั้นจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุดรอบนี้เทียบกับท่าทีลดดอกเบี้ยนโยบายถือว่าเป็นช่วงที่ผ่อนคลายมากๆ และเชื่อว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะลดดอกเบี้ยนโยบายตามธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อไม่ให้ค่าเงินของตัวเองแข็งจนเกินไป

ส่วนภาวะสงครามการค้าในปัจจุบันส่งผลให้ภาคการส่งออกทั่วทั้งโลกชะลอตัวลงชั่วคราว ซึ่งหลายฝ่ายกำลังจับตาดูการเจรจาของสหรัฐฯกับจีน ในงานประชุม G20 สุดสัปดาห์นี้ แต่เชื่อว่าการเจรจารอบนี้จะมีภาพที่ดีกับเศรษฐกิจโลกมากขึ้นสหรัฐฯจะผ่อนปรนกับจีนมากขึ้นเช่นกัน

เพราะสหรัฐฯกำลังจะเข้าสู่ช่วงของการเลือกตั้งในปีหน้าและการไม่บีบจีนมากจนเกินไปจะเป็นการรักษาคะแนนนิยมให้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพราะจากผลสำรวจคะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในสหรัฐฯ ช่วงที่มีการบีบจีนมากๆปรากฏว่าคะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลดลงไปเป็นอย่างมาก

ดังนั้นจึงมั่นใจว่าการเจรจากันในสุดสัปดาห์นี้จะเป็นผลดีกับตลาดโลก แต่ปัญหาระหว่างสหรัฐฯและจีน จะยังคงเป็นปัญหาตาเนื่องในระยะยาว เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของสหรัฐฯ คือต้องการสะกัดการเติบโตในด้านเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีของจีน ไม่ให้ขึ้นมาเทียบเท่าหรือแซงหน้าสหรัฐฯ และเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งในปีหน้า สหรัฐฯจะกลับมาเล่นงานจีนหนักๆเหมือนเดิม

ด้านการเมืองในประเทศไทยประเมินแล้วไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรนัก เพราะเริ่มมีภาพการจัดตั้งรัฐบาลที่ชัดขึ้น ความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติก็เชื่อมั่นในประเทศไทยมากขึ้น สังเกตได้จากเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยแล้วกว่า 40,000 ล้านบาท โดยคาดเมื่อจบปี 62 จะมีเงินต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามเดือนนี้ยังถือเป็นเดือนที่ดีของตลาดหุ้นไทยอีกด้วย เพราะมีกระแสเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นมากที่สุดในเอเชีย และเชื่อว่าจากนี้ไปยังจะไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลที่นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นไทยอยู่น้อย ปีนี้เพิ่งซื้อกลับ 40,000 ล้านบาท ในขณะที่เทขายไปกว่า 600,000 ล้านบาท จาก 5 ปีที่ผ่านมา

จึงมั่นใจว่า 6 เดือนถัดจากนี้ปัจจัยภายในประเทศยังไม่มีแรงลบ คาดว่า SET Index น่าจะปิดที่ 1,750-1,800 จุด ณ สิ้นปี 62 ในกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯลดดอกเบี้ยนโยบาย เศรษฐกิจโลกไม่แย่ไปกว่านี้ การเมืองในประเทศนิ่ง และสหรัฐฯกับจีนสงบศึกกันชั่วคราว

“โดยภาพรวมแล้วยังมองตลาดหุ้นไทยเป็นบวกในปีนี้ จึงมั่นใจว่าหุ้นไทยยังถือว่าน่าลงทุน แต่ในระยะสั้นก็ยังมีโอกาสผันผวนเช่นเดียวกัน แต่ถ้ามองระยะกลาง และยาวไปจนถึงต้นปีหน้าเชื่อว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

นายสมประวิณ กล่าวต่อว่า “ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เรากำลังเข้าสู่ช่วงเดินลง แต่เป็นการเดินลงแบบช้าๆ”

เมื่อไม่นานมานี้ IMF ปรับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกลดลงเรื่อยๆ ซึ่งการประเมินของ IMF มักเชื่อถือได้เสมอ และถ้าเป็นเช่นนั้นเท่ากับว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงชะลอตัว ซึ่งประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯเริ่มมีตัวเลขด้านเศรษฐกิจที่ผสมทั้งดีและไม่ดีแล้วจากเดิมที่ตัวเลขของสหรัฐฯอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งหมด

เป็นสัญญานเตือนว่าเศรษฐกิจโลกกำลังจะเข้าสู่ช่วงชะลอตัว ขณะที่ภาวะสงครามการค้าส่งผลให้ภาพเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐก็มีท่าทีลดดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อตอบรับความย่ำแย่ของเศรษฐกิจโลกด้วยเช่นกัน

ส่วนฝั่งยุโรปยังมีภาพเศรษฐกิจที่ดูดีกว่าฝั่งสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ และพึ่งพิงกันได้เป็นอย่างดีของประเทศสมาชิก การบริโภคภายในยังดีแม้การส่งออกจะยังไม่ดีเท่าไรก็ตาม

แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจยุโรปยังคงแข็งแกร่ง แต่ก็จะค่อยๆชะลอตัวลงเนื่องจากฝั่งยุโรปมักได้รับผลกระทบต่างๆช้ากว่าภูมิภาคอื่นเสมอ ซึ่งขณะนี้ทุกภูมิภาคได้รับผลกระทบแล้ว แต่ยุโรปยังได้รับผลกระทบไม่เต็มที่เท่าไรนักซึ่งต้องรออีกสักระยะถึงจะได้รับผลกระทบเต็มๆเหมือนภูมิภาคอื่น

จากที่ได้กล่าวไปทำให้เห็นว่าปัจจัยลบของเศรษฐกิจไทย ณ ปัจจุบันอยู่ที่ปัจจัยภายนอกประเทศ ดังจะเห็นได้จากภาคการส่งออกที่แย่มาจากสงครามการค้า แต่ทั้งนี้ไทยเป็นประเทศที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐฯคิดเป็นอันดับที่ 10 จากทั่วโลก

ที่ผ่านมาจะเห็นว่าสหรัฐฯค่อยๆไล่โจมตีประเทศที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐฯลำดับต้นๆก่อนและค่อยไล่ลงไปเรื่อยๆ และถ้าหากไล่มาถึงไทยเมื่อไรก็จะยิ่งทำให้ภาคการส่งออกและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยแย่ตามไปด้วยเช่นกัน

อีกประเด็นที่อาจกระทบกับไทยคือ ขณะนี้สหรัฐฯกำลังให้ความสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจยานยนต์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯก็เริ่มรายงานให้รัฐบาลสหรัฐฯทราบว่า การนำเข้าสินค้ายานยนต์ถือเป็นภัยกับสหรัฐฯ ซึ่งการส่งออกในภาคยานยนต์ของไทยไปสหรัฐฯ ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง และถ้าหากสหรัฐฯตั้งมาตรการกีดกันจากเหตุผลดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับไทยได้เช่นกัน

ขณะที่เวียดนามจะลดภาษีการค้ากับยุโรป 0% ซึ่งอาจทำให้เวียดนามซื้อขายกับยุโรปมากขึ้น ขณะที่เวียดนามนำเข้าสินค้ารถยนต์จากไทยมากที่สุด ดังนั้นการลดภาษีการค้าระหว่างเวียดนามและยุโรปก็อาจส่งผลกระทบกับไทยด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันการส่งออกของไทยติดลบไปแล้ว 1.5% จากเหตุผลสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และถ้าภาคการส่งออกชะลอตัวต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบกับภาคการบริโภค และการลงทุนในประเทศด้วยเช่นกัน แต่ถ้ามองไปในระยะยาวเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวจากโครงการ EEC ที่จะเกิดขึ้นอันใกล้นี้

"ทำให้อีก 20 ปีถัดจากนี้สิ่งต่างๆจะเปลี่ยนไปอย่างมาก สิ่งที่จะได้ประโยชน์ในลำดับแรกๆคือโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และตามมาด้วยการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้ง 2 อุตสาหกรรมจึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนน่าเข้าไปลงทุน"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0