ทีมนักวิเคราะห์ ปตท.คาดการณ์ราคาน้ำมันในช่วงปี 62 อยู่ที่ 70-80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากสงครามการค้าและนโยบายในกลุ่มโอเปก
ทีมนักวิเคราะห์ PRISM Expert เปิดเผยถึงทิศทางแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลก ภายในงาน 2018 The Annual Petroleum Outlook Forum ภายใตหัวข้อ Future Energy Moving Together ก้าวไปกับอนาคตพลังงาน ว่า เศรษฐกิจของโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 3.7% ดูได้จากอัตราการว่างงานของสหรัฐที่ต่ำสุดในรอบหลายปี ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบก็ยิ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 1.1-1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ซึ่งยังมีปัจจัยสงครามการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างอเมริกากับคู่ค้าทั่วโลกที่อาจจะเป็นตัวกดดันการขยายตัวของการใช้น้ำมันและเศรษฐกิจโลก
ในขณะที่รถอีวี ยังเติบโตได้น้อย เพราะในปี 2019 จำนวนรถอีวีจะมีเพียง 2 ล้านคันทั่วโลก ถือเป็น 2% ของจำนวนรถทั่วโลก ซึ่งมาจาก 3 ปัจจัยได้แก่ 1.เทคโนโลยี แบตเตอรียังไม่เสถียร 2.พฤติกรรมของคนมุ่งเน้นไปใช้รถสาธารณะมากยิ่งขึ้น 3.ยังต้องการกำลังสนับสนุนจากภาครัฐ
ส่วนอุปทานการใช้น้ำมันดิบในตลาดโลก มีแนวโน้มตึงตัวจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศผู้ผลิต อย่างในประเทศอิหร่านที่ถูกกดันห้ามส่งออกน้ำมันดิบจากสหรัฐ ซึ่งปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลกหายไป 1.5 ล้านล้านบาร์เรล จึงเหลือ 3 ประเทศหลักที่จะเป็นเข้ามาทดแทน ซาอุดิอาราเบีย รัสเซีย และสหรัฐ ซึ่งในพื้นที่ตะวันออกกลางก็ยังมีปัญหาการเมืองในกลุ่มอยู่ แม้ทุกประเทศจะทำให้เกิดความเสี่ยงเชิงพื้นที่ แต่ก็ยังผู้ที่ผลิตน้ำมันเข้ามาเติมในตลาดในอยู่ในความสมดุลได้อยู่
"ทำให้ทีมนักวิเคราะห์ PRISM expert คาดการณ์การณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2562 จะอยู่ในช่วง 70-80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แต่จะมีความผันผวนที่สูง"
สำหรับปัจจัยในระยะยาวที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์น้ำมันอยู่ด้วย เช่น นโยบายพลังงานสีเขียว และเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน ห่วงโซ่อุปทานที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเปลี่ยนรูปแบบไป
ด้าน นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจพลังงานในปัจจุบันมีปัจจัยใหม่ๆที่เข้ามามีผลต่อราคาน้ำมันด้วย เช่น
- เทคโนโลยีทดแทน แบตเตอรรี่ โซลาร์ อุปกรณ์มีการรองรับได้มากขึ้น ก็ส่งผลต่อธุรกิจพลังงานงานด้วยเช่นกัน
- เทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชั่น ที่เข้ามา ทำให้ราคาจากในอีตที่ 2-3 เดือนปรับหนึ่งครั้ง มาเป็นปรับทุกวัน จนถึงการปรับราคาทุกวินาที
- นโยบายสีเขียว ทั้งจากรัฐบาล และกองทุนต่างๆ ที่สร้างความต้องการเทียมในตลาด เพราะกองทุนมีการซื้อขายสัญญาน้ำมัน โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอด ราคาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
วันนี้ธุรกิจพลงานมีรูปแบบใหม่แล้ว กลุ่มพลังงานก็ต้องปรับตัวให้ทัน เพื่อความยั่งยืนด้วยเช่นกัน
นายอธิคม เติบศิริ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม กล่าวว่าทิศทางและแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกปี 2562 ว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 3.7ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 1.1- 1.3ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศคู่ค้าทั่วโลกอาจส่งผลกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มตึงตัวจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศผู้ผลิต
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ทีม PRISM Expert คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2562จะอยู่ในช่วง 70 - 80เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยระยะยาวที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์น้ำมันที่ต้องติดตาม อาทิ นโยบายพลังงานสีเขียว และเทคโนโลยีดิจิตอลที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน ตลอดห่วงโซ่อุปทานซึ่งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเปลี่ยนรูปแบบไป
