วันที่ 21 ก.ค.นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ แสดงความคิดเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊กกรณีขึ้นค่าแรวขั้นต่ำว่า…ถ้าค่าแรงขั้นต่ำจะขึ้นกันแบบโง่ๆ ไม่ใช่การประกันค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานฝีมือ (Skilled labor) ที่ต้องแยกตัวออกมาจากแรงงานที่ไร้ฝีมือ ผลคือแรงงานไทยจะตกงานกันมหาศาลเหมือนการเลิกจ้างแรงงานท้องถิ่นที่เกิดกับเมืองดีทรอย เพราะโรงงานปิดจากการย้ายไปประกอบการที่อื่นแทน
แต่ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยมีทางเลือกอื่นที่เลวร้ายกว่าเมืองดีทรอย โดยหันไปจ้างแรงงานพม่าราคาถูกกว่าและทำมาหลายปีแล้ว และถ้าเปิดรับตลาดแรงงานตามที่ตกลงกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community) ตลาดแรงงานชั้นกลางของคนไทยที่ยังมีอัตราจ้างอยู่ ก็มีแนวโน้มจะล่มตามตลาดแรงงานชั้นล่าง เพราะต้องขึ้นค่าแรงไล่ไปทั้งระบบบัญชีเงินเดือน จะให้เงินเพิ่มแต่ชั้นล่างอย่างเดียวไม่ให้ระดับกลางคงไม่ได้ การจ้างแรงงานฝีมือหรือแรงงานระดับกลางเฉพาะกลุ่มวิชาชีพเช่น สถาปนิก วิศวกร พยาบาล นักบัญชี ฯลฯ จากฟิลิปินส์และอินโดนีเซียที่สามารถเลี่ยงกฎหมายทำงานประเภทที่ไม่ต้องใช้ใบอนุญาตวิชาชีพ เพราะเป็นเพียงลูกมือภายใต้การดูแลของคนไทยที่มีใบอนุญาตวิชาชีพอยู่แล้ว ราคาจะถูกกว่าจ้างคนไทยจบใหม่ที่ยังไม่มีหรือยังไม่ผ่านการสอบใบอนุญาตวิชาชีพเช่นกัน ระดับอายุงานสามปีให้เงินเดือนหมื่นห้าถึงสองหมื่นห้าก็แห่มากันแล้ว แต่ถ้าจ้างคนไทยแค่เด็กจบใหม่สายเทคโนโลยีบางสาขายังไม่ทำเลยถ้าได้เงินเท่านี้
ผมถึงบอกว่าผมเห็นด้วยในการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ต้องเป็นระดับแรงงานฝีมือที่ได้รับการพัฒนาฝีมือแรงงานแล้ว ไม่ใช่จ้างคนล้างจานตามร้านอาหารจ้างคนดูแลงานสวนงานไร่ หรือแรงงานไร้ฝีมือในโรงงานอุตสาหกรรมขนาด เล็ก-กลาง-ใหญ่ ก็ต้องจ้างเท่านี้ ก็เตรียมตัวเป็นเหมือนเมืองดีทรอยได้เลย เพราะเล็กกลางจะตายถ้าไม่หนีไปจ้างพม่า ส่วนขนาดใหญ่หนีไปอยู่ที่อื่นแทน