วันนี้( 28 ม.ค.63) ดร. สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี นักวิจัยศูนย์ วิทยาศาตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า หลังจากที่ได้ทำการวิจัยไวรัสโคโรนาในค้างคาวมาก่อนหน้านี้ ขณะนี้เตรียมลงพื้นที่ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สำรวจค้างคาวมงกุฎในไทย จำนวน 23 ชนิด ว่ามีเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ โดยจะต้องทำแผนสำรวจพื้นที่ก่อนว่า ค้างคาวมงกุฎมีอยู่ในพื้นที่ใดและจังหวัดใดบ้าง
ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมวิจัยจุฬาฯ ร่วมกับ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มีการลงพื้นที่สำรวจค้างคาวในประเทศไทย เพื่อหาเชื้อไวรัสในค้างคาว เพื่อจัดทำฐานข้อมูล ถอดรหัสพันธุกรรมของโรคอุบัติใหม่ เบื้องต้นพบเชื้อโคโรนาในค้างคาวไทย 300-400 ชนิดแต่ยังไม่ติดต่อสู่คน
ค้างคาว ถือเป็นแหล่งรังโรคสำคัญที่นำไปสู่โรคอุบัติใหม่ เช่น โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา โรคติดเชื้อไวรัสเฮนดรา โรคสมองอักเสบนิปาห์ โรคกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง และโรคกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง
ส่วนทั่วโลกมีไวรัสโคโรนา ที่ก่อโรคในคน 7 ชนิด แบ่งเป็น 4 ชนิดแรก ที่มีอาการโรคหวัด , 2 ชนิด เป็นไวรัสกลุ่มเบต้า คือ โรคเมอร์ โรคซาร์ส ที่มีความรุนแรง และ 1 ชนิด ล่าสุด คือ โคโรนา สายพันธุ์ใหม่2019 ที่มีผลต่อปอดอักเสบ
ขณะที่ สถานการณ์ความรุนแรง ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ถือว่ามีความรุนแรงน้อยกว่าโรคเมร์สและซาร์สอย่างมากเพราะเป็นคนละชนิดและไวรัส สามารถตายได้ในภูมิภาคร้อนจัดและแห้ง ซึ่งตอนนี้การติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศไทย ผู้ป่วยยังคงติดเชื้อมาจากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งประชาชนสามารถป้องกันได้ คือ ล้างมือบ่อยๆใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการ ไอ จาม
ส่วนการจะวัดว่าสถานการณ์ของโรครุนแรงหรือไม่ สามารถวัดได้ 3 ระดับ คือ อัตราการเสียชีวิต , ความรุนแรงของโรคและการแพร่ระบาด โดยสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ปัจจุบันยังไม่สงบ
โดย ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาฯ มีชุดตรวจไวรัสโคโรนามากกว่า 16 ชุด และอยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาชุดตรวจไวรัสโคโรนา จากการเทียบรหัสพันธุกรรมของเชื้อ เพิ่มขึ้นอีก
ซึ่ง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้านห้องปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาการตรวจโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ให้รู้เร็วที่สุด เพื่อให้เกิดการควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ
ดร. สุภาภรณ์ แนะประชาชนในช่วงภาวะการณ์โรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 ถึงแม้ยังไม่มีการแพร่ระบาดจากคนสู่คนในประเทศไทย และที่ผู้ป่วยติดเชื้อ ก็ยังคงรับเชื้อมาจากเมืองอู่ฮั่น ประชาชนชาวไทยตระหนักได้ถึงการป้องกัน แต่ต้องไม่ตระหนกล้างมือบ่อยๆ กินร้อนช้อนกลาง ใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในแหล่งชุมชน คนแออัด ยังคงเป็นวิธีป้องกันสำคัญ และการจามหากไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย ก็ให้ยกแขนตนเองขึ้นมา บังในการจาม ดีกว่าการใช้มือขึ้นมาปิด เนื่องจากเราอาจเผลอเอามือไปหยิบจับสิ่งอื่นได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เพิ่มขึ้นทุกวัน! เหยื่อ 'ไวรัสโคโรนา' ในจีน ดับพุ่ง 80 ศพ
จีนชี้ 'ไวรัสโคโรนา' สามารถแพร่เชื้อได้ในระยะฟักตัว
สธ.แถลงพบผู้ป่วยติดเชื้อ 'ไวรัสโคโรนา' ในไทยแล้ว8ราย
เช็กเรียลไทม์! การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลก
ช่วยเหลือกันและกัน! สมัครล่ามภาษาจีนคัดกรองไวรัสโคโรนาครบแล้ว
สพฐ.ห่วงวิกฤตไวรัสโคโรนาให้ผอ.โรงเรียนใช้ดุลพินิจปิดสถานศึกษา
สธ.รับสมัครล่ามภาษาจีนช่วยสกัด 'ไวรัสโคโรนา'
แคนาดาพบผู้ป่วย 'ไวรัสโคโรนา' รายแรกของปท.
วิกฤตหนัก! ยอดตาย 'ไวรัสโคโรนา' จีนพุ่ง 56 ศพ
มาส์กปิดปากก็ไม่พอ “ไวรัสโคโรนา” ติดเชื้อผ่านดวงตาได้
สลด! แพทย์จีนที่รักษาผู้ติดเชื้อ เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนารายแรก
ผลวิจัยคาดมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสูงถึง 3.5 แสนคน ชี้ 5 ประเทศสุดเสี่ยง
ไวรัสโคโรนา ลุกลามเข้าฝรั่งเศส ออสเตรเลียแล้ว
เหยื่อไวรัสโคโรนา พุ่ง 41 ศพ ติดเชื้อทะลุพันคน
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand