ปักกิ่ง, 26 พ.ค. (ซินหัว) -- คณะนักวิจัยจีนค้นพบว่าผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) มากกว่าครึ่ง ปรากฏในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิระหว่าง 5-15 องศาเซลเซียส
คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลานโจวมุ่งศึกษาตัวแปรด้านสิ่งแวดล้อมที่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) สามารถอยู่รอดได้ เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบการแพร่กระจายของไวรัสทั่วโลก
บทความวิจัยล่าสุดของนักวิจัยกลุ่มนี้ ซึ่งได้รับการเผยแพร่ในวารสารไซแอนซ์ ออฟ เดอะ โททัล เอนไวรอนเมนต์ (Science of The Total Environment) ระบุว่านักวิจัยได้ตรวจสอบผลกระทบของอุณหภูมิโดยรอบที่มีผลต่อการกระจายของโรคโควิด-19 ทั่วโลก
นักวิจัยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันรายวันและสภาพทางอุตุนิยมวิทยา ซึ่งรวมถึงอุณหภูมิและความชื้น โดยอ้างอิงข้อมูลของผู้ป่วยทั่วโลกราว 3.75 ล้านคน จากประเทศและภูมิภาคต่างๆ 185 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. -6 พ.ค.
พวกเขาพบว่าสถานที่ที่มีอุณหภูมิระหว่าง 5-15 องศาเซลเซียส จะมีรายงานผู้ป่วยราวร้อยละ 60 ยิ่งไปกว่านั้นผู้ป่วยราวร้อยละ 73.8 ยังกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้นสัมบูรณ์อยู่ที่ 3-10 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร
การศึกษาครั้งนี้บ่งชี้ว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ดูเหมือนจะแพร่กระจายได้ดีในพื้นที่ละติจูดที่สูงกว่า ทั้งยังชี้ให้เห็นถึงเขตภูมิอากาศที่เอื้อให้ความเข้มข้นของไวรัสเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในสภาพแวดล้อมรอบข้าง ซึ่งรวมถึงพื้นผิวของวัตถุต่างๆ
การกระจายของโรคโควิด-19 ได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย โดยครั้งนี้คณะนักวิจัยตรวจสอบเฉพาะปัจจัยทางธรรมชาติที่ส่งผลต่อการระบาดใหญ่
นักวิจัยเตือนว่าการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 อาจระบาดเป็นวงจร อีกทั้งการระบาดอาจเกิดซ้ำตามเมืองใหญ่ในพื้นที่ละติจูดกลางได้ในช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
"เราไม่อาจพึ่งพาการคาดการณ์ที่ว่าโรคโควิด-19 จะหยุดระบาดด้วยอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นได้" หวงจ้งเหว่ย ผู้วิจัยชื่อแรกของบทความวิจัย ระบุดังนี้
