โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

นักลงทุน VI มั่นใจปี62หุ้นไทยขยับแน่ จากพื้นฐานเศรษฐกิจแกร่ง

Money2Know

เผยแพร่ 17 พ.ย. 2561 เวลา 11.36 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
นักลงทุน VI มั่นใจปี62หุ้นไทยขยับแน่ จากพื้นฐานเศรษฐกิจแกร่ง
นักลงทุน VI "อธิป กีรติพิชญ์" มั่นใจปีหน้าหุ้นไทยมีอนาคต ย้ำไทยไม่เกิด Super Crisis ในปีหน้าแน่ พร้อมแนะนำกลุ่มธุรกิจน่าลงทุนปี 62 "พลังงาน, ธนาคาร, ค้าปลีก, ปูนใหญ่ และรับเหมาก่อสร้าง"

  ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) จัดงาน Set in the City กรุงเทพมหานคร 2018 มหกรรมการลงทุนแห่งปี ภายในงานมีการสัมนาพิเศษหัวข้อ “Invest for Future หุ้นสร้างอนาคต” โดยนายอธิป กีรติพิชญ์ Fundamental VI และนักเขียนเจ้าของหนังสือ "ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ"   นายอธิป กล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนตั้งคำถามกันเยอะเสมอว่าเข้าสู่ปีหน้าแล้วหุ้นไทยจะยังมีอนาคตอยู่หรือไม่ และเมื่อย้อนมาดู SET INDEX ในปีนี้ ถือว่ามีความผันผวนมากที่สุดอีกหนึ่งปีเลยก็ว่าได้ โดยเปิดศักราชปี 61 หุ้นก็ขึ้นให้นักลงทุนชื่นใจกันก่อนเลย   ต้นปี 61หุ้นไทยพุ่งไปถึง 1852 จุด เพราะเป็นช่วงที่มีกระแสข่าวดีอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นปัจจัยบวกกับตลาดหุ้น แต่หลังจากผ่านช่วงต้นปีมาแล้วตลาดหุ้นเริ่มไม่มีข่าวดีอะไรมากนัก ทำให้หุ้นมีการลดลงอย่างต่อเนื่อง สลับกับมีข่าวดีเป็นระยะ จึงทำให้เกิดความผันผวนที่สูงมาก   หุ้นไทยขึ้นสูงสุดในปี 61 เขยิบไปที่ 1852 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1584 จุด และสถานการณ์ปัจจุบันหุ้นไทยอยู่ที่ 1670 จุด ทำให้ปี 61 ตลาดหุ้นไทยมี YTD-5.8% ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนักเมื่อนักลงทุนมองเข้ามา แต่ถ้าเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ถือว่าตลาดหุ้นไทยยังไม่ถึงกับแย่นักในปี 61  โดยปี 61 ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับลดลง ขณะเดียวกันหุ้นไทยล่วงไปเพียงแค่ 5%เท่านั้น ซึ่งถ้าไปเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่นฮ่องกง, เกาหลี, ฟิลลิปปินส์ ต่างติดลบสูงถึง 14-19% ซึ่งทั่วโลกติบลบกันถ้วนหน้า   ไทยจึงไม่ถือว่าอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ สิ่งที่เป็นปัจจัยทำให้ตลาดหุ้นไทยลงน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ เป็นเพราะประเทศไทยมีอัตราเงินเฟ้อต่ำเพียงแค่ 1.5% เท่านั้น ทำให้สภาพคล่องในการจับจ่ายในประเทศ และการดำเนินธุรกิจ ยังมีสภาพคล่องที่ดีอยู่   ประกอบกับไทยยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเลยตลอดทั้งปี และจากภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทำให้คู่ค้าฝ่ายจีนได้รับผลกระทบเชิงลบเยอะตามไปด้วย โดยตลาดหุ้นจีนติดลบไปถึง 19% ในปี 61 แต่ไทยไม่ได้อิงกับจีนมากนัก ยังมีโครงการ EEC ที่ดึงนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศได้อีกด้วย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบกับภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมากเท่ากับประเทศคู่ค้าสำคัญของจีนประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ทำให้ตลาดหุ้นในประเทศนั้นลงเยอะ   นอกจากนี้ไทยเองยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงอีกด้วย จึงทำให้โดยภาพรวมแล้วยังถือว่าเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งอยู่ และเมื่อหลายฝ่ายกำลังจับตามองสถานการณ์โลกว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่วนตัวยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะไม่แย่เพราะคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ และจีนน่าจะเจรจาเรื่องสงครามการค้ากันได้อย่างลงตัว เนื่องจากเริ่มมีสัญญาณการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศนี้ในทิศทางที่ดีขึ้นจากการที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีการทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวของตนเอง   ในข้อความมีใจความเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นระหว่าการเจรหากับประเทศต่างๆอย่างจีน หรือเกาหลีเหนือ ก็ตาม ซึ่งทำให้หุ้นในตลาดโลกปรับตัวขึ้นทันทีภายหลังการทวิตข้อความดังกล่าวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้ในระยะยาวซึ่งต้องคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด   ขณะเดียวกันสถานการณ์ในตลาดหุ้นไทยประสบกับปัญหานักลงทุนต่างชาติเทขายมาตลอดในระยะ 3-4 ปีหลัง แต่ว่าหุ้นไทยก็ยังแข็งแรงทนกับภาวะนี้มาได้ตลอด เนื่องจากมีกำลังซื้อจากสถาบันภายในประเทศ เป็นกำลังซื้ออยู่ตลอดรวมไปถึงแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อยที่คอยหาจังหวะเข้าซื้ออยู่เช่นกัน   2 สิ่งดังกล่าวนี้เป็นปัจจัยสนับสนุนที่เข้ามาช่วยค้ำให้ตลาดหุ้นไทยที่เจอวิกฤติเศรษฐกิจโลกอย่างภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน กับการเทขายหุ้นจากนักลงทุนต่างชาติมาได้ โดยมีตัวเลขเปิดเผยว่าในปี 61 นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์   นักลงทุนต่างชาติมีการเทขายหุ้นไทยคิดเป็นมูลค่ากว่า 270,000 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่ทำให้ตลาดหุ้นไทยสะท้านเท่าใดนักเพราะตลาดหุ้นไทยในปี 61 ลงไปเพียงแค่ 5% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเทียบกับชาติอื่นที่มียอดติดลบกัน 12-19% ในปีนี้จากการโดนสงครามการค้าเล่นงานเท่านั้น   คาดการณ์ว่าในปี 62 คงไม่น่าจะมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติมากเท่าปี 61 อีกแล้ว จึงเป็นสัญญาณที่ดีว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะกลับมาดีอีกครั้งในปี 62 เพราะช่วงต้นปีก็จะมีการเลือกตั้งในประเทศเกิดขึ้นด้วย ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นและกลับเข้ามาในไทยอีกครั้ง   ที่ผ่านมาไทยโดนนักลงทุนต่างชาติเทขายเยอะ เเต่ก็ยังยืนหยัดมาได้แบบไม่ช้ำเหมือนประเทศอื่น เเละเมื่อมีเลือกตั้งเชื่อว่าจะไม่เกิดการเทขายของนักลงทุนต่างชาติอีกจึงทำให้มั่นใจได้ว่าปี 62 SET INDEX จะทยานสูงกว่าปี 61 ด้วยปัจจัยที่ได้กล่าวไป   แต่สำหรับนักลงทุนที่ยังคงลังเลอยู่ว่านักลงทุนต่างชาติจะเทขายต่อหรือไม่ ก็มีการแนะนำการลงทุนดังนี้ สำหรับคนที่เชื่อว่าปี 62 นักลงทุนต่างชาติจะยังเทขายหุ้นไทยทิ้งอีกก็ให้เก็บเงินลงทุนไว้ก่อน เพื่อชะลอดูสถานการณ์อีกครั้ง ส่วนนักลงทุนที่เชื่อมั่นว่าปี 62 ต่างชาติจะไม่ขายแล้วให้ทยอยซื้อหุ้นตัวที่ตัวเองชอบและมีพื้นฐานดีสะสมไว้ก่อนตั้งแต่เนิ่นๆ สำหรับนักลงทุนที่ยังมีความกังวลว่าจะเกิด Super Crisis ขึ้นในปีหน้าจากกระแสข่าวลือต่างๆ โดยส่วนตัวเชื่อว่า Super Crisis จะยังไม่เกิดขึ้นที่ไทยในปีหน้าอย่างแน่นอน เพราะการจะเกิดภาวะ Super Crisis นั้นจะต้องเกิดจากการที่ธนาคารในประเทศไม่มีวินัยคุมหนี้เสีย(NPL) อย่างเข้มงวด ซึ่งธนาคารในประเทศไทยปัจจุบันมีการคุมเรื่อง NPL อย่างหนักมาก เช่นใครจะขอกู้ ก็ต้องโดนตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างเข้มงวด จนเป็นที่แน่ใจกับทางธนาคารเสียก่อนจึงจะได้รับการปล่อยกู้จากธนาคาร   อีกปัจจัยคือการเกิดภาวะฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันยังเป็นไปในทิศทางบวกทั้งหมด ยังไม่มีสัญญาณเชิงลบกับ 2 ปัจจัยดังกล่าวแต่อย่างใด จึงทำให้เป็นหลักประกันได้ว่าในปี 62 Super Crisis จะยังไม่เกิดขึ้นที่ไทยอย่างแน่นอน   ส่วนปัจจัยสนับสนุนเขิงบวกอีกด้านคือประเทศไทยมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีและมีแนวโน้มเติบโตเรื่อยๆ ถึงแม้จะเป็นการเติบโตแบบช้าๆก็ตาม และเศรษฐกิจไทยก็ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดในปี 58 ไปแล้ว จึงไม่ต้องห่วงว่าประเทศไทยจะเจอวิกฤติในปีหน้า   สำหรับการลงทุนในช่วงปี 62 แนะนำให้ลงทุนกับธุรกิจประเภท พลังงาน, ธนาคาร, ค้าปลีก, ปูนใหญ่ และรับเหมาก่อสร้าง แต่ทั้งนั้นทั้งนี้นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของหุ้นแต่ละตัวให้ดีก่อนการลงทุน เพื่อใช้ประกอบในการตัดสินใจลงทุนในปี 62

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0