จากกรณีเหตุการณ์เครื่องบินการบินไทยเที่ยวบิน ทีจี 971 ซูริก-กรุงเทพฯ วันที่ 11 ตุลาคม 2561 ดีเลย์กว่า 2 ชั่วโมงครึ่งเหตุนักบินไม่ยอมนำเครื่องขึ้น เพราะที่นั่งของคณะนักบินที่จะโดยสารกลับ (Deadhead pilot) ไม่ได้นั่งในชั้นเฟิร์สต์คลาสตามสิทธิ ปล่อยผู้โดยสารกว่า 300 คนนั่งรอ สุดท้ายผู้โดยสารสามี-ภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งได้จองที่นั่งชั้นบิซิเนสคลาสและได้รับการอัพเกรดเป็นชั้นเฟิร์สต์คลาสยอมสละที่นั่งให้นักบินที่โดยสารกลับ ล่าสุดการบินไทยออกแถลงการณ์ชี้แจง โดยขอโทษผู้โดยสารเที่ยวบินที่ ทีจี 971 ซูริก-กรุงเทพฯ และตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 ตุลาคม กลุ่มนักบินและผู้ช่วยนักบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้นัดหารือกันที่อาคาร 5 สำนักงานใหญ่การบินไทย ถนนวิภาวดีรังสิต โดยมีนักบินและผู้ช่วยฯเดินทางไปร่วมหารือกันครั้งนี้เกือบ 100 คน และได้ทยอยเดินทางกลับตั้งแต่เวลา 16.00 น. กระทั่งเวลา 17.00 น. ยังมีนักบินบางส่วนทยอยลงมาจากชั้น 5
แหล่งข่าวที่มาร่วมหารือครั้งนี้รายหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ว่า มีการหารือกันกว่า 1 ชั่วโมง โดยหารือเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 15.00 น. ก่อนแยกย้ายกันเดินทางกลับ ซึ่งเดิมตั้งใจจะมีออกแถลงการณ์บางอย่าง แต่เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวมารอทำข่าวจำนวนพอประมาณ จึงเปลี่ยนใจไม่มีสัมภาษณ์หรือแถลงการณ์ใดๆ เพราะไม่ต้องการให้เกิดภาพว่ากลุ่มนักบินออกมากดดันคณะกรรมการสอบสวน เพราะไม่ว่าผลการสอบสวนจะออกมาเป็นทางบวกหรือลบ แต่เมื่อเกิดภาพว่านักบินออกมากดดันก็จะเกิดผลเสียต่อกลุ่มนักบินเอง
แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ประชุมกลุ่มนักบินมองว่าเกิดจากช่องว่างในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นการบินไทยจึงเตรียมทบทวนระบบต่างๆ ให้รัดกุมมากขึ้น นอกจากนี้ยังเกิดความผิดพลาดในการสื่อสาร เพราะหากมีการประสานงานกันจะไม่เกิดปัญหาทำให้เครื่องบินล่าช้าถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งก็เชื่อว่าทุกฝ่ายจะตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นและรีบตัดสินใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ขณะที่นักบินบางส่วนที่มาหารือครั้งนี้เชื่อว่าผลการสอบสวนจะออกมาแบบ ‘อะลุ่มอล่วย’ ว่ามีความผิดพลาดจากระบบ เพื่อรักษาองค์กรไว้ เพราะถึงปัญหาดังกล่าวจะทำให้เกิดกระแสโจมตีการบินไทยอย่างหนัก แต่ต้องยอมรับว่าการโจมตี เกิดจากคนทั่วไปรับทราบปัญหาแค่บางส่วน ไม่ได้รับข้อมูลทั้งหมดของการบินไทยและแนวทางปฏิบัติของอุตสาหกรรมการบิน
