โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

นักคณิตศาสตร์คำนวณ ถ้าผู้ติดเชื้อ ลดลงวันละ5% ต่อเนื่อง รับรองโควิด หายจากไทยภายในเดือนมิ.ย.

ไทยโพสต์

อัพเดต 10 เม.ย. 2563 เวลา 07.48 น. • เผยแพร่ 10 เม.ย. 2563 เวลา 07.48 น. • ไทยโพสต์

 

10เม.ย.63- ผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (SCI-TU) คาดการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ มีแนวโน้มเป็น “ศูนย์” ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2563 หากพบผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่องวันละ 5%

            รศ. ดร. วราฤทธิ์ พานิชกิจโกศลกุล อาจารย์ประจำสาขาวิชาคณิตศาสตร์และสถิติ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. (SCI-TU) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 (COVID-19) ถือเป็นอุบัติการณ์ครั้งใหม่ ที่ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยต้องปรับกระบวนการตั้งรับใหม่ในหลายมิติ ปรากฏชัดผ่านตัวเลขผู้ติดเชื้อในที่ยังมีความแปรผัน โดยในประเทศไทยพบ อัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19.2% ต่อวัน ในเดือนมีนาคม แต่ในเดือนเมษายนมีการปรับลดลงเหลือ 4.8% ต่อวัน ดังนั้น เพื่อให้ไทยสามารถประเมินความเสี่ยงของตัวเลขผู้ติดเชื้อในอนาคต ตามหลักอนาคตศาสตร์ได้อย่างแม่นยำ คณะวิทยาศาสตร์ฯ มธ. โดยสาขาวิชาคณิตศาสตร์และสถิติ จึงจัดทำ “กราฟประเมินยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19” โดยอาศัยหลักการวิเคราะห์ด้านคณิตศาสตร์และสถิติ โดยพิจารณา 2 ปัจจัย คือ จำนวนผู้ติดเชื้อสะสม และเวลา โดยพบผลลัพธ์แม่นยำสูง 99%

   โดยเหตุผลที่เลือกใช้หลักการวิเคราะห์จาก 2 ปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากเส้นกราฟของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม ระหว่างวันที่ 15 มีนาคมถึง 9 เมษายน 2563 มีลักษณะเป็นเส้นโค้ง และไม่มีลักษณะชันขึ้นอย่างรวดเร็ว (ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข) ทั้งนี้ หากพบยอดผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มปรับลดลงวันละ 5% ของยอดผู้ติดเชื้อวันก่อนหน้า อย่างต่อเนื่อง จึงนับเป็นสัญญาณที่ดี   ที่มีโอกาสพบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็น 0 ราย ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2563 

    "อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ดังกล่าว จะเป็นจริงก็ต่อเมื่อพฤติกรรม #หยุดเชื้อเพื่อชาติ อาทิ ทำงานที่บ้าน (Work from home) เลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัดหรือพื้นที่ชุมชน สวมใส่หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย และล้างมือให้สะอาดหลังหยิบจับหรือสัมผัสสิ่งต่าง ๆ สัมฤทธิ์ผลทั่วประเทศ"รศ.ดร.วราฤทธิ์กล่าว

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0