นอภ.เกาะสมุย ชี้แจงกรณีรถตู้อัลพาร์ดคันที่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี นั่งตอนมาปฎิบัติราชการที่เกาะสมุย เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา ถูกนำไปโยงเครือข่ายค้ายาเสพติด “น้าขลุด” ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดที่ถูกจับได้นั้น ที่จริงแล้วเป็นเครือญาติกันจริงบ้านอยู่ใกล้กันกับผู้ต้องหา แต่ไม่เกี่ยวข้องกับค้ายาเสพติด ส่วนด้านเจ้าของรถตู้อัลพาร์ดเก็บรวบรวมหลักฐานพร้อมปรึกษาทนายความ เพื่อเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับสำนักข่าวและผู้ที่เผยแพร่ข่าวผิดพลาดนี้เพราะทำให้เกิดความเสียหาย
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 กันยายน จากที่ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ เจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 8 ร่วมกันจับกุมตัวนายสมพงษ์ หรือขลุด เรืองศรี อายุ 63ปี ผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดระดับแกนนำในพื้นที่เกาะสมุย ตามหมายจับศาลจังหวัดเกาะสมุย ที่ 6/2562 ลงวันที่ 16 มกราคม 2562 ข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีนหรือไอซ์) และนำตัวผู้ต้องหาขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีเดินทางมายังเกาะสมุย เพื่อนำเข้าตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 80/2 หมู่ 6 ต.บ่อผุด อ.กาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ของผู้ต้องหาที่เปิดเป็นสำนักงานบริการรถตู้วีไอพี ใช้เช่าทั่วราชอาณาจักร
ต่อมาได้มีสื่อบางสำนักไปเผยแพร่ข่าวว่าพบรถตู้เอนกประสงค์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 1177 สุราษฎร์ธานี เป็นรถคันเดียวกับที่เคยใช้รับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะเดินทางมาปฎิบัติภารกิจที่เกาะสมุย เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2562 จอดอยู่ในโรงจอดรถห่างจากบ้านผู้ต้องหาประมาณ 30 เมตร จนมีการเข้าใจผิดไปว่าไปเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาด้วย
ทางด้าน ว่าที่ร.ต.กิตติภพ รอดดอน นายอำเภอเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า กรณีที่รถตู้อัลพาร์ดคันที่มีสื่อเอาไปลงข่าวอาจจะมีการเชื่อมโยงกับผู้ที่ค้ายาเสพติด ในเรื่องดังกล่าวทางอำเภอเกาะสมุยขอชี้แจงรายละเอียดให้ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี นั่งตอนมาปฎิบัติราชการที่เกาะสมุย เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา ทางอำเภอเกาะสมุยได้รับมอบหมายจากทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้จัดหารถตู้วีไอพีและรถยนต์ตู้อีก 12 คันมารับรองคณะ ในส่วนรถยนต์ตู้วีไอพีก็ได้ประสานงานกับผู้นำท้องถิ่นได้มา 1 คันมาเป็นรถยนต์หลักรับรองคณะ และเตรียมรถสำรองไว้อีก 1 คัน แต่วันซ้อมขบวนรถยนต์หลักได้ไปเหยียบตะปูทำให้ยางรั่ว 1 เส้น จึงได้เปลี่ยนเป็นรถสำรองมาแทนจนภารกิจนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้น
หลังจากที่เป็นข่าวออกมาทางอำเภอเกาะสมุยก็เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่พบว่า บ้านของผู้ต้องหาค้ายาเสพติดกับเจ้าของรถตู้อัลพาร์ดอยู่ใกล้กัน บ้านผู้ต้องหาอยู่ปากทางเข้าก่อนบ้านเจ้าของรถตู้ และเป็นเครือญาติกัน การตรรวจค้นบ้านผู้ต้องหาก็อาจจะเห็นว่ามีรถตู้อัลพาร์ดจอดอยู่ที่โรงรถของบ้านอีกหลังที่อยู่ใกล้ๆกันสื่อก็เลยจับไปโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ค้ายาเสพติด จนทำให้เกิดความเสียหายกับเจ้าของรถตู้
“เจ้าของรถตู้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาก่อน และให้การสนับสนุน ให้การช่วยเหลือกับราชการมาตลอดในกรณีที่ขอสนับสนุนรถยนต์รับรองคณะ ซึ่งทางอำเภอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ต่อไปในการนำรถต่างๆมารับรองคณะต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาลักษณะนี้มาก่อน”
ล่าสุดน.ส.ดารุณี เซ่งฉิ อายุ 42 ปี เจ้าของรถตู้เอนกประสงค์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 1177 สุราษฎร์ธานี เจ้าของรถตู้อัลพาร์ดเก็บรวบรวมหลักฐานพร้อมปรึกษาทนายความ เพื่อเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับสำนักข่าวและผู้ที่เผยแพร่ข่าวผิดพลาดนี้เพราะทำให้เกิดความเสียหาย
