โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

นศ.สาวร้อง ป. ลูก พตอ. ข่มขืน ต้องวิ่งเปลือยหนีจากบ้าน เผยเจอทักที่ปั๊ม!!

Khaosod

อัพเดต 17 ก.ค. 2561 เวลา 03.03 น. • เผยแพร่ 17 ก.ค. 2561 เวลา 03.01 น.
ข่มขืน
นศ.สาวร้อง กองปราบ ลูก พตอ. ข่มขืน

น.ศ.สาวร้องกองปราบฯ โดนลูก “พ.ต.อ.” กับพวก รุมโทรม

ฉวยตอนเมาออกอุบายนั่งแท็กซี่ไปส่งบ้าน แล้วอ้างแวะเข้าบ้านเอารถ โดยมีเพื่อนรออยู่ จากนั้นร่วมกันใช้กำลังบังคับข่มขืน หลังก่อเหตุโทร.มาไกล่เกลี่ย จึงปฏิเสธไป ด้านทนายอัจฉริยะห่วงคู่กรณีเป็นลูกตำรวจ หวั่นคดีไม่ได้รับความเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อม น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และพนักงานพีอาร์ของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านถนนประเสริฐมนูกิจ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ทรงพล หมวกจันทร์ สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายหนึ่ง อายุ 29 ปี บุตรชายนายตำรวจนอกราชการยศพ.ต.อ.กับพวก ในข้อหารุมโทรม หลังถูกหลอกไปรุมข่มขืนที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านเกษตร-นวมินทร์ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ค.

น.ส.เอให้การว่า ตนกับนายหนึ่งไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ก่อนวันเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากเลิกงานตนได้เดินไปที่ปั๊มน้ำมันใกล้กับร้าน นายหนึ่งก็เข้ามาพูดคุยพร้อมขอเบอร์โทรศัพท์และไลน์ แต่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก เพราะคิดว่าคงเป็นแขกมาเที่ยวที่ร้าน

น.ส.เอกล่าวต่อว่า กระทั่งวันเกิดเหตุนายหนึ่งก็โทรศัพท์มาหา พร้อมบอกว่าจะมารับเพื่อพาไปส่งบ้าน วันนั้นยอมรับว่าตนพร้อมเพื่อนร่วมงานอีก 1 คนอยู่ในอาการมึนเมา และเห็นว่ามาเพียงคนเดียวจึงยอมให้พาขึ้นรถแท็กซี่ไปส่ง โดยไปส่งเพื่อนก่อน จากนั้นนายหนึ่งก็ออกอุบายว่าขอแวะไปเอารถที่บ้านเพื่อนที่ย่านนวมินทร์ 74 แยก 3 แต่เมื่อไปถึงกลับชักชวนให้ตนกินต่อที่บ้านของคู่กรณี

น.ส.เอกล่าวอีกว่า เมื่อไปถึงบ้านก็พบว่ามีเพื่อนของนายหนึ่งมารออยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวอีกคน จากนั้นคนทั้งสองก็ใช้กำลังบังคับจะรุมข่มขืนตน ทำให้ต้องยอมวิ่งเปลือยกายออกมาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีนอกบ้าน หลังเกิดเหตุนายหนึ่งยังได้โทรศัพท์มาขอโทษ พร้อมกับเจรจาไกล่เกลี่ยไม่ให้แจ้งความเอาผิด โดยตนปฏิเสธและบอกว่าอย่าไปกระทำแบบนี้กับใครอีก

นายอัจฉริยะกล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ได้พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ไปแล้ว ซึ่งมีการสอบปากคำผู้เสียหาย พร้อมส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ร.พ.ตำรวจ ต่อมาวันที่ 13 ก.ค.ได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ว่าไม่มีอำนาจสอบสวน จึงได้ร้องขอให้ช่วยโอนคดีนี้มาให้กองปราบปราม เนื่องจากเห็นคู่กรณีเป็นบุตรชายตำรวจนอกราชการ ซึ่งอาจมีเส้นสายในวงราชการ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ พร้อมสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาร่วมกับพยานหลักฐานอื่นๆ ก่อนนำเรื่องส่งให้กับผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการ ต่อไป

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0